‘ธรรมนัส’กำชับสปก.เร่งสางปัญหาที่ดินกระบี่ เล็งใช้เป็นโมเดลทั่วประเทศ
7 พฤศจิกายน 2562 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ดำเนินการทางคดีต่อบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ เนื้อที่ 11,908 ไร่ เพื่อปลูกสวนปาล์มส่งเข้าโรงงานผลิตน้ำมัน โดย ส.ป.ก. ให้หยุดการทำประโยชน์และออกจากที่ดินแล้ว ยกเว้นพื้นที่ประมาณเกือบ 2,000 ไร่ที่ทางบริษัทส่งเอกสารแย้งว่ามีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด
ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า สัปดาห์หน้า ส.ป.ก. จะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่รังวัดตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว หากเอกสารสิทธิ์ที่นำมาอ้างไม่ใช่เอกสารจริง และเป็นพื้นที่ส.ป.ก. ต้องยึดคืนให้หมด ขณะนี้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและฝ่ายความมั่นคง ในการเตรียมพื้นที่ที่ฟ้องร้องยึดคืนตามมาตรา 44 มาจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ โดยต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้แน่ชัดว่า ไม่ใช่เป็นผู้แทนของผู้ครอบครองรายเดิม เพื่อหวังจะให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยในสวนปาล์ม โดยนายทุนยังได้รับประโยชน์จากผลผลิตที่เก็บเกี่ยวออกจำหน่าย
สำหรับนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) เป็นนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีที่เป็นประธาน คทช. ซึ่งต้องการให้ฟ้องร้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินรัฐโดยผิดกฎหมายออกไป จากนั้นนำมาจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้เข้าทำกิน ซึ่งจะดำเนินการที่จังหวัดกระบี่ให้สำเร็จเรียกว่า กระบี่โมเดล เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการจัดการที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ขณะที่นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า ล่าสุดได้ประชุมเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก. จังหวัดกระบี่ ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส สั่งการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขณะนี้คดีฟ้องร้องขับไล่บริษัทอยู่ในชั้นอัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป
ส่วนการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ เบื้องต้นมีพื้นที่เป้าหมาย 973 ไร่ซึ่ง คทช. จังหวัดเคยจัดสรรไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากมีชาวบ้าน 3 กลุ่มเข้ามาครอบครองและเกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นยิงกัน ทำให้ล้มเลิกไป ครั้งนี้จึงจะจัดสรรใหม่เป็นที่ดินของ ส.ป.ก. ท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่เป้าหมายยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2560 แล้วเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2562 กำหนดเป็นแปลง NO 601 ก่อนหน้านี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเอกสารสิทธิอื่นมายื่นคัดค้านภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดแล้ว มีผู้มายื่นคัดค้านจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักกฎหมายจากส่วนกลางลงไปช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอกสารร่วมกับ ส.ป.ก.จังหวัดว่า การคัดค้านฟังขึ้นหรือไม่ โดยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แล้วรายงานมายังเลขาธิการส.ป.ก. หากข้อคัดค้านฟังไม่ขึ้นจะดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบายคทช. โดยเร็วที่สุด
สำหรับพื้นที่ที่เหลือในท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง และอำเภอเขาพนมได้สั่งการให้สำนักแผนที่และสารบบที่ดินเร่งเข้าไปดำเนินการสำรวจรังวัดเพื่อกันพื้นที่เอกสารสิทธิอื่นออก แล้วให้เหลือเฉพาะที่เป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. จริงๆ เท่านั้นเพื่อส่งต่อให้สำนักกฎหมายและสำนักพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดินร่วมกันคำนวณค่าความเสียหายประกอบการฟ้องคดีแพ่งต่อบริษัทเพิ่มเติมต่อไป โดยกำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
นายวิณะโรจน์ กล่าวว่า แผนการดำเนินงานภายหลังการยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. คาดว่า จะสามารถจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรและผู้ยากไร้ได้ทั้งสิ้น 888 ราย โดยจะคัดเลือกเกษตรกรและผู้ยากไร้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ก่อนเป็นลำดับแรก พร้อมกันนี้ ส.ป.ก. ได้เตรียมแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ให้มีความพร้อมก่อนที่จะส่งต่อให้สถาบันเกษตรกรเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินพร้อมกับดูแลเกษตรกรสมาชิกให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ได้จริง
จากนั้นจะใช้รูปแบบการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของจังหวัดกระบี่ครั้งนี้จะเป็นรูปแบบนำร่อง (Model) ในการยึดคืนพื้นที่ให้กับพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ โดย ส.ป.ก. จะยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง และดำเนินการด้วยความรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นหลักสำคัญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี