5 สมุนแก๊งยาบ้าเจอตร.ดักตรวจค้น เหยียบคันเร่งมิด 200 กิโลฯต่อชม.หนีสุดชีวิต ก่อนจนมุมพร้อมของกลาง 5 ล้านเม็ด ขยายผลจาก 3.9 ล้านเม็ด รับสารภาพทำมาหลายครั้ง
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เวลา 17.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯนครพนม พล.ต.สามารถ จินตสมิทธิ์ ผบ.มทบ.210 พล.ต.ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผบ.บก.ควบคุม ศป.ปส.ทภ.2 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รองผกก.สืบสวนฯภาค 4 พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.ตม.นครพนม พ.อ.สุภัทร ชูตินันทน์ ผบ.ฉก.ทพ.21 พ.ต.ท.ทวี สารกาล ผบ.ร้อย ตชด.236 และ พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย ผบ.ตชด.237 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน และตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 5,000,000 เม็ด และรถยนต์ยี่ห้อ isuzu รุ่น mu-x สีเทา ทะเบียน 4 กค-7927 กรุงเทพฯ รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น REVO สีบรอนซ์เทา ยกสูง ทะเบียน ก-5548 สุราษฎร์ธานี(ป้ายแดง) โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง
สืบเนื่องจากวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เจ้าหน้าที่สืบสวนฯภาค 4 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ระหว่างรอยต่อตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง กับ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จึงประสานกับหน่วยงานความมั่นคงทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันวางแผน ติดตาม และวางกำลังตามจุดที่คาดว่าคนร้ายจะลำเลียงยาเสพติดผ่านเส้นทางต้องสงสัย ซึ่งการทำงานเป็นด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ริมแม่น้ำโขงได้มากนัก เนื่องจากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ได้ว่าจ้างคนในพื้นที่เป็นหูตาให้ จึงใช้วิธีปลอมตัวแฝงเข้ามาในรูปแบบกลมกลืนกับคนในพื้นที่
กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. สายสืบที่ปลอมตัวอยู่ริมแม่น้ำโขง แจ้งว่า คนร้ายลำเลียงยาเสพติดขึ้นฝั่งที่ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน โดยมีรถต้องสงสัยจำนวน 3 คัน แต่ยาเสพติดอยู่ในรถยนต์อีซูซุ ส่วนรถยนต์อีก 2 คันนั้น คันหน้าเป็นรถกรุยทางวิ่งนำหน้า เพื่อแจ้งให้คันที่อยู่ข้างหลังทราบว่าเบื้องหน้าสะดวกหรือไม่ ส่วนคันที่สองเป็นรถใหม่ป้ายแดงใช้ในการควบคุมสั่งการ โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 1 กิโลเมตร
ชุดปฏิบัติการจึงวางกำลังดักรอที่บ้านนาพระชัย ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง โดยเบื้องต้นคนร้ายใช้ถนนสายรองบ้านนาข่า-คำพอก เพื่อออกสู่ถนนทางหลวงแผ่นดิน 212(บ้านแพง-นครพนม) และตัดเข้าถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 2309(นาพระชัย-ศรีสงคราม) เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณขอตรวจค้น แต่ขบวนการค้ายาเสพติดกลับเร่งเครื่องขับหลบหนี ชุดปฏิบัติการไล่กวดจนเข็มไมค์ขึ้น 150 KM/H ก็ยังตามไม่ทัน คาดว่าคนร้ายใช้ความเร็วไม่น้อยกว่า 200 กิโลมเตรต่อชั่วโมง
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งกองกำลังทราบและตั้งจุดสกัดรถยนต์ทั้ง 3 คัน แต่รถยนต์คันแรกที่ขับนำหน้ารีบฉีกหนีไป ทิ้งให้สองคันหลังหาวิธีหลบหนีกันเอง กระทั่งมาถึงทางโค้งหักศอกหน้าสำนักงานทางหลวงชนบท ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม เป็นช่วงที่เกษตรกรขับรถขนข้
จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปสอบสวนตรวจนับของกลาง ภายในรถยนต์อีซูซุ ทราบต่อมาว่ามีนายเรืองฤทธิ์ สาที อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 3 ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน เป็นคนขับ และมีนายเสมียน ติสจันทร์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 117/5 หมู่ 1 ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน เป็นผู้นั่งโดยสารมาที่เบาะด้านซ้าย ตรวจค้นภายในรถ พบถุงกระสอบห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำมัดปากถุง จำนวน 25 กระสอบ ข้างในเป็นห่อยาบ้าสีเหลืองประทับตรา 999 กระสอบละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 5,000,000 เม็ด ส่วนรถยนต์โตโยต้า รุ่นรีโว่ ป้ายแดง มีนายบทีปกร สร้อยจิต อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 102 หมู่ 9 ต.บุ่งใหม่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ เป็นคนขับ และมีผู้โดยสารมาด้วยอีก 2 คน ทราบชื่อว่านายนรา จันทร์บุตร อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 491 หมู่ 13 ต.ช่องเม็ก อ.สิริธร จ.อุบลฯ นายเกรียงไกร กาญจนกูล อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 278 หมู่ 3 ต.ช่องเม็ก เช่นเดียวกัน
ผู้ต้องหาทั้งสามรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนยานรกคนละ 30,000 บาท ให้ลำเลียงยาบ้าทั้ง 5 ล้านเม็ด ไปจอดทิ้งไว้ในเขตพื้นที่อำเภอศรีสงคราม แล้วจะมีบุคคลอื่นมารับเพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ชั้นในอีกทอดหนึ่ง เบื้องต้นนายทุนจ่ายค่ามันรถก่อน 10,000 บาท หากทำงานสำเร็จจึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ โดยเป้าหมายปลายทางผู้ต้องหาอ้างว่าอยู่ในพื้นที่ กทม.
พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นการขยายผลจับกุมจากพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 มีคนร้ายขนยาบ้ามาจากจังนครพนมเข้าสู่กทม.โดยคนร้ายใชรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน 5 กฒ 7897 กรุงเทพมหานคร ออกจากจังหวัดนครพนม เวลา 21.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม เจ้าหน้าที่จึงบูรณาการคอยสังเกตการณ์ตามเส้นทางรับผิดชอบ บนถนนมิตรภาพและถนนพหลโยธินอย่างเคร่งครัด เพื่อจะสกัดจับรถคันดังกล่าว
กระทั่งเวลา 06.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม พบรถต้องสงสัยติดฟิล์มมืด วิ่งผ่านเข้ามาเจ้าหน้าที่จึงเรียกรถคันดังกล่าวเพื่อขอตรวจ แต่คนร้ายไม่ยอมจอด เร่งเครื่องเพื่อหลบหนี ก่อนจอดรถทิ้งข้างทาง และวิ่งหลบหนีขึ้นไปบนเขาพระฉาย เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้า จำนวน 393 มัด จำนวน 3,900,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 41 มัด
จากการสืบสวนจึงทราบว่าคนร้ายที่ทิ้งรถหลบหนีคือนายเรืองฤทธิ์ สาที กับนายเสมียน ติสจันทร์ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมบุคคลทั้งสองอย่างใกล้ชิด จนทราบว่าเริ่มเคลื่อนไหวรับงานลำเลียงยาบ้าแล้ว กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว และผู้ต้องหาทั้งสองก็รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่รับจ้างขับรถลำเลียงยาบ้าไปส่งพื้นที่ชั้นในจริง เมื่อเจอด่านตรวจในพื้นที่สระบุรี จึงตัดสินใจทิ้งรถวิ่งหนีขึ้นภูเขา ก่อนจะนั่งรถโดยสารกลับบ้านที่จังหวัดนครพนม โดยกระทำมาแล้วหลายครั้ง หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาทั้ง 5 คน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสงคราม ดำเนินคดีต่อไป
สำหรับยาบ้าล็อตนี้ มูลค่าซื้อระหว่างนายทุนตามแนวตะเข็บชายแดน ราคาเม็ดละ 10 เม็ด หรือ 50 ล้านบาท หากทะลุเข้าถึงพื้นที่ชั้นในจะเพิ่มเป็นเม็ดละ 100 บาท หรือ 500,000,000 บาท หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้าขายย่อยให้นักเสพก็จะอีกราคาหนึ่ง ประมาณเม็ดละ 120-150 บาท
จากสถิติการจับกุมในจังหวัดนครพนม ปี 2562 สามารถสกัดตรวจยึดยาบ้าได้เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2561 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) ตรวจยึดยาบ้าได้มากถึง 11 ล้านเม็ด มูลค่า 2,000,000,000 บาท นับว่าเป็นบิ๊กล๊อตมากที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งชุดสืบสวนเตรียมจะขยายผลต่อว่ายาบ้าล๊อตล่าสุดนี้ มีความเชื่อมโยงกับยาบ้า 11 ล้านเม็ดเมื่อปี 2561 อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี