เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกรณีจะเปลี่ยนสถานะสารเคมี 3 ชนิด คือพาราควอต ไกลโฟเซตคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งจะมีผลให้ไม่สามารถผลิตจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองได้เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย สุกรรณ สังข์วรรณะเกษตรกรตัวจริงที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด จึงได้รวบรวมข้อคิดเห็นของเกษตรกรที่ไม่เห็นด้วยกับการจะออกประกาศดังกล่าวขนใส่กล่องกระดาษหลายกล่องรวม 13,441 ราย นำไปมอบให้กับกรมวิชาการเกษตร แทนการแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของกรมเนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากไม่อาจเข้าถึงวิธีการดังกล่าวได้
กรมวิชาการเกษตรมอบให้ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการเป็นผู้รับเอกสารดังกล่าวซึ่งไม่ทราบว่าสรุปรายงานท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้วหรือยังแต่ที่แน่ๆ คือกรมยังไม่ได้สรุปแจ้งแถลงไขให้สาธารณชนได้ทราบผลการรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้แต่ได้มีการสั่งการไปยังหน่วยงานในส่วนภูมิภาคให้สำรวจสต๊อกสารเมี 3 ชนิดที่ยังเหลือ อยู่โดยกำหนดให้ผู้ผลิตผู้นำเข้าผู้ส่งออกและผู้มีไว้ในครอบครองแจ้งปริมาณวัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิด เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับกรมวิชาการเกษตรทันทีหลังจากประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม มีผลบังคับใช้จึงมีคำถามฝากมาว่าการรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ถึงแม้ฝ่ายไม่เห็นด้วยมีมากกว่าก็จะไม่มีผลใช่หรือไม่
นอกจากนี้การสำรวจสต๊อกยังต้องแจ้งให้คณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานทราบด้วยเพื่อหาทางเยียวยาเกษตรกรต่อไปเกษตรกรที่อุตส่าห์แสดงความเห็นเข้ามา..คงต้องทำใจ..เพราะเขาดำเนินการไปก่อนที่เสียงของท่านจะไปถึง..
อย่างไรก็ตาม ท่านยังมีศาลปกครองเป็นที่พึ่งอีกครั้งหลังจากศาลยกฟ้องมาครั้งที่แล้วเพราะการยกเลิกการใข้ครั้งนั้น เป็นเพียงความเห็นของคระกรรมการวัตถุอันตราย ยังไม่ได้มีผลทางกฎหมายอยู่ที่พี่น้องเกษตรกรว่าจะยกธงขาวยอมแพ้หรือสู้กันต่อไป
วันเดียวกันกับวันสุดท้ายของการรับฟังความคิดเห็นสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด ที่มีต่อเกษตรกรผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเสนอนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาทบทวนโดยสภาหอการค้าเห็นควรให้ใช้มติเดิมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 คือการจำกัดการใช้มาดำเนินการแทนการยกเลิกการใช้
พร้อมกันนี้มีข้อมูลจากราชบัณฑิตยสภาเกี่ยวกับอันตรายต่างๆที่ฝ่ายสนับสนุนการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดนี้ เผยแพร่สู่สาธารณชนตลอดมายืนยันว่าไม่มีข้อมูลเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับข้อกล่าวอ้างดังกล่าวโดยมีหลายท่านให้ความเห็นดังที่สื่อมวลชนนำเสนอดังนี้
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา อดีตแพทย์โรคระบบการหายใจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า แพทย์ทั่วไปจะทราบว่า โรคเนื้อเน่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย การเดินลุยน้ำที่อาจมีสารพาราควอต จะได้สัมผัสกับพาราควอตที่เจือจางมาก เพราะสารที่ใช้พ่นต้องเจือจางก่อน และจะถูกเจือจางอีกโดยน้ำที่ขังอยู่ และจะถูกทำให้หมดฤทธิ์เมื่อสัมผัสกับน้ำโคลนดิน
ส่วนการรายงานผลการตรวจพบพาราควอต ในเลือดของหญิงใกล้คลอดและเลือดสายสะดือทารกน่าสงสัยว่าได้มาอย่างไร รวมทั้งขาดการศึกษาในระดับดีเอ็นเอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยโรคต่างๆ และในรายงานไม่ได้ระบุว่าแม่และลูกมีความผิดปกติจากพิษพาราควอต และยังไม่เคยมีรายงานการเกิดพิษพาราควอตในผู้ใช้สารพาราควอตฆ่าหญ้าเลย นอกจากไปดื่มกิน
ศาสตราจารย์ ดร.รังสิต สุวรรณมรรคา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชี้แจงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับพาราควอตเพิ่มเติมว่า มีข้อกล่าวอ้างที่ขาดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มากมาย อาทิ พาราควอตทำให้ดินแข็ง ซึ่งไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากคุณสมบัติของพาราควอตทำลายเฉพาะส่วนที่เป็นสีเขียวของวัชพืชเหนือดิน ไม่ทำลายระบบรากใต้ดิน
ดร.รังสิตยังบอกด้วยว่า โดยส่วนตัวสนับสนุนให้ใช้พาราควอตในแปลงเกษตร เพราะยังเห็นประโยชน์ เนื่องจากพาราควอตตกค้างในสิ่งแวดล้อมน้อยมากต่างจากสารเคมีชนิดอื่นๆ คนที่รู้ความแล้วคงพอรู้ว่า สารทุกชนิดที่คนนำมาใช้ในชีวิตประจำวันใช้ทางเกษตรกรรมหรือทางแพทย์เป็นสารพิษทั้งนั้น มากน้อยแล้วแต่ชนิดสาร แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้สารพิษจริงๆก็หาวิธีการควบคุมการใช้ให้ถูกต้อง ยาที่หมอรักษาคนไข้หากใช้ไม่ถูกก็มีพิษ หากใช้อย่างถูกต้องก็เกิดประโยชน์และไม่เกิดโทษ
ภาษาหมอภาษานักวิชาการอาจจะเข้าใจยากสักหน่อยสรุปได้ง่ายๆ คือ สารเคมี 3 ชนิดนี้ ไม่ได้อันตรายร้ายแรงอย่างที่เข้าใจกันตามคำบอกเล่าของคนกลุ่มหนึ่งนั่นเอง ขนาดราชบัณฑิต และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านออกมายืนยันเช่นนี้ ถ้ายังไม่มีใครหันมาฟังบ้างเห็นที..ประเทศนี้จะอยู่ยากเสียแล้ว....
ไม่รู้ว่าเรื่อง 3 สารนี้จะจบลงอย่างไรแต่ที่แน่ๆประเทศชาติเสียหายมหาศาล
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี