DSIบุกทลาย
รง.ลอบขายสารพิษ
ผสมใส่ปุ๋ยชีวภาพ
สั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ค
ดีเอสไอบุกค้น 5 จุด “ปทุม-นนท์-โคราช” ของ 2 บริษัทอ้างผลิตปุ๋ยชีวภาพอินทรีย์ แต่แอบผสมสารเคมีอันตราย “พาราควอต-ไกลโฟเซต” ขายผ่านโซเซียล มีผู้ได้รับผลกระทบกว่าพันราย มูลค่าเสียหายกว่า 10ล้าน
เมื่อวันที่ 14พฤศจิกายน ที่สำนักงานเทศบาลตำบลสามโคก จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จ. ปทุมธานี เข้าตรวจค้นแหล่งผลิตพาราควอตและไกลโพเซต ของบริษัทสมาร์ทไบโอเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท วีไอพี คิงดอม 999 จำกัด ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายต่อประชาชน ตามที่ได้รับการร้องทุกข์จากประชาชน ผ่านศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข และในชั้นสืบสวนของกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ดีเอสไอ พบว่า บริษัททั้งสอง แห่งนำสารพาราควอตไดคลอไรด์ และไกลโพเซต-ไอโซโพรพิลแอมโมเนียม ซึ่งเป็นสารควบคุมตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมให้เป็นวัตถุอันตราย แต่บริษัททั้ง 2 แห่ง กลับนำมาผสมกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพอินทรีย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต และขายผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย จัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ ทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพหรือปุ๋ยออแกนิคที่ไม่มีผลต่อสุขภาพ จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย
พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า ดีเอสไอนำหมายค้นและกระจายกำลังเข้าตรวจเป้าหมายพร้อมกัน 5 จุด ในจ.นครราชสีมา 2 จุด นนทบุรี 2 จุด และปทุมธานี 1 จุด เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ฐาน ผลิตหรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานผลิตหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีนี้จากการสืบสวนเบื้องต้น น่าเชื่อว่ามีความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท และมีผู้ได้รับผลกระทบจากวัตถุอันตรายดังกล่าวมากว่า 1,000 ราย
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ปุ๋ย เนื่องจากผลิตปุ๋ยเพื่อการค้า โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิด ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เนื่องจากนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค ดีเอสไอ เปิดเผยหลังเข้าตรวจค้น 5 จุดวันนี้ว่า แบ่งเป็น 2 คดีคือ 1.คดีพิเศษที่ 73/256 บริษัท สมาร์ท ไบโอเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่ที่จ.นนทบุรี 2 จุด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารชีวภัณฑ์ กำจัดวัชพืชยี่ห้อ สมาร์ทไบโอ รวมทั้งสารปรับสภาพน้ำชนิดพิเศษและปุ๋ย โดยลงโฆษณาขายทางเฟซบุ๊ค ซึ่งดีเอสไอล่อซื้อและส่งทางเคอรี่ เมื่อส่งให้กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบพบ พบมีการนำสารพาราควอตไดคลอไรด์และไกลโพเซต -ไอโซโพรพิลแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารควบคุมตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายพ.ศ. 2556 มาผสมกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพอินทรีย์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และขายผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. วัตถุอันตรายพ.ศ 2535 การผลิตหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำและปรับ ซึ่งเป็นความผิดฐานผลิตหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาทหรือทั้งจำและปรับ
2.คดีพิเศษที่74/2562 บริษัท วีไอพี คิงดอม 999 จำกัด ตั้งอยู่ที่จ.ปทุมธานี 1 จุดและจ.นครราชสีมา 2จุด ผู้ผลิตและจำหน่ายสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืช ยี่ห้อ ซุปเปอร์ไลค์ รวมทั้งสารปรับสภาพน้ำชนิดพิเศษและปุ๋ย ทั้งนี้ สำหรับบริษัท คิงดอมฯ นอกจากจะมีความผิด เช่นเดียวกับบริษัทสมาร์ทไบโอเทคฯแล้ว ยังมีความผิดเพิ่มเติมเนื่องจากมีการสร้างเครือข่าย โดยเสนอให้สิทธิพิเศษในการเดินทางต่างประเทศ จากการตรวจสอบ พบว่ามีการส่งสินค้าดังกล่าวผ่านบริษัท เคอร์รี่ วันละประมาณพันราย
สำหรับผลการตรวจค้นเบื้องต้น นายธานินทร์เผยว่า ในอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่พบถังผสมปุ๋ย และเอกสาร ส่วนที่จ.นครราชสีมา เข้าค้นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และโรงงานผลิต ขณะที่ในจ.ปทุมธานี เป็นโกดังเก็บวัตถุอันตราย ซึ่งดีเอสไอจะยึดอายัดเครื่องจักร ถังผสม และผลิตภัณฑ์ส่งให้กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบว่ามีสารอันตรายหรือไม่ รวมถึงตรวจเอกสารที่พบว่ามีแหล่งที่มาจากไหน หากผลตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีส่วนผสมของพาราควอตและไกลโพเซต จะออกหมายเรียกหรือหมายจับเจ้าของบริษัทมาแจ้งข้อกล่าวหา เพราะเป็นการแอบอ้างจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ แต่มีส่วนผสมของสารอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะรวบรวมพยานหลักฐานสั่งฟ้องต่อไป ในส่วนเกษตรกรที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้โดยไม่ทราบข้อเท็จจริงจะถือเป็นผู้เสียหายเช่นกัน
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สารพาราควอตและไกลโพเซตเป็นสารเคมีอันตราย ดีเอสไอพบว่าบริษัททั้ง 2 ราย นำวัตถุอันตรายมาลักลอบผลิตและจำหน่ายโดยหลอกลวงว่าเป็นสารชีวภาพ ที่ผ่านมาดีเอสไอล่อซื้อและนำของกลางไปตรวจพิสูจน์พบมีสารเคมีอันตรายผสมอยู่จริง จึงนำมาสู่การตรวจค้นและจับกุม ทั้งนี้ จากผลการวิจัยทางการแพทย์พบว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยจากสารพาราควอตปีละ 5,000 ราย ในจำนวนดังกล่าวประมาณ 10% หรือ 500 รายจะเสียชีวิต เนื่องจากมีอาการแพ้รุนแรง นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังต้องได้รับเคมีปนเปื้อนในผักและผลไม้ ต้องตายผ่อนส่ง รัฐบาลจึงต้องดำเนินการทางคดีให้ถึงที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี