ดีเอสไอยื่นคำร้องขอถอนประกันชัยวัฒน์ อุ้มฆ่าบิลลี่แล้ว ขอศาลสั่งห้ามชัยวัฒน์ จ้อสื่อ ห้ามชัยวัฒน์ ลูกน้องเข้าพื้นที่ พร้อมติดกำไลอีเอ็มทุกคน ศาลนัดพร้อมคู่ความ บ่าย 25 พ.ย.นี้
วันที่ 18 พฟศจิกายน 2562 เวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีร่วมกันฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยง เมื่อปี 2557 และถูกออกหมายจับพร้อมพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา และศาลอาญาคดีทุจริต ฯ มีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้งสี่ประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 8 แสนบาท แต่เนื่องจากภายหลังนายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี และอาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้
โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอระบุในคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์สรุปว่า ตามที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังพร้อมคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันตัว จะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนเป็นอย่างมาก ประกอบกับภรรยาผู้เสียชีวิตได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้ว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาที่ 1-4 ได้รับการปล่อยชั่วคราวนั้น ปรากฏว่า ภายหลัง นายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวก็เดินทางไปพบสื่อมวลชนและให้สัมภาษณ์สื่อมวลหลายช่องทางทั้งทีวี ออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ หลายวาระต่างกัน ซึ่งได้แนบเอกสารและคลิป(การให้สัมภาษณ์มาด้วย)
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่มีการกล่าวหาผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้ารัฐระดับสูงจึงมีความยากลำบากในการแสวงหาพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากพยานไม่กล้าให้การ ซึ่งในคดีนี้ ดีเอสไอจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพยานที่ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่1 และเกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุ หน่วยงานรัฐที่ผู้ต้องหาที่1 รับราชการอยู่และถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของหน่วยงานดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มีเนื้อหาบิดเบือนการสอบสวนและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีเจตนาสร้างความสับสนในการปฏิบัติหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์และต้องการให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนฯ อาจเกิดความเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอและไม่ให้ความร่วมมือทำให้มีความยากลำบากในการสอบสวน
นอกจากนี้การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มิใช่การแสดงความเห็น ติชม โดยสุจริต เนื่องจากคดีนี้ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหาที่1 ต่อหน้าทนายความโดยให้โอกาสในการแก้ข้อหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประพฤติ ตาม ป.วิอาญามาตรา134 วรรค 4 แต่ผู้ต้องหาที่1 กับพวกไม่ให้การข้อเท็จจริงโดยปฏิเสธให้การทุกคำถาม แต่กลับไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญต่างๆต่อเสื่อมวลชน โดยผู้ต้องหาที่1 เป็นข้าราชการทราบดีว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่อาจชี้แจงตอบโต้หรือแสดงพยานหลักฐานในสำนวนต่อสื่อมวลชนได้ เพราะถือเป็นความลับในการสอบสวน จึงเห็นได้ว่าการกระทำ ของผู้ต้องหาที่ 1 นอกจากไม่ใช่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตและยังมิใช่เป็นการสู้คดีตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่มีเจตนาพิเศษต้องการให้สังคมสับสนเข้าใจผิด กดดันการสอบสวน อีกทั้งการที่ผู้ต้องหาจะเข้าพื้นที่เกิดเหตุย่อมส่งผลทางจิตวิทยาให้บุคคลในพื้นที่หวั่นไหวไม่กล้าให้การหรือความร่วมมือ
การกระทำดังกล่าวของนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรค เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนตาม ป. วิอาญามาตรา 108/1 (2)( 5) ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอศาลได้โปรดพิจารณาวินิจฉัยการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 หรือขอให้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1-4 ดังนี้ คือ ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่1 สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีนี้ หรือให้ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอันส่งผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวน
2. ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่1-4 เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พนักงานสอบสวนได้พบวัตถุพยานอันสำคัญ และยังมีพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องในคดีจำนวนมากอาจทำให้พยานเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่พนักงานสอบสวนให้และผู้ต้องหาที่1- 4 อาจจะเข้าไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานที่อยู่ระหว่างรวบรวมเพิ่มเติม
3. ให้ผู้ต้องหาที่1-4 ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคหรืออุปกรณ์อื่นหรือกำไลอีเอ็ม ที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ต้องหาที่1-4 เพื่อป้องกันกันการหลบหนีและผ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ขอให้ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่อุทยานแก่งกระจานอันจะเกิดความเสียหายต่อการรวบรวมพยานหลักฐานตาม ป.วิอาญามาตรา 108 วรรคท้าย หรือเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นควรพิจารณา
ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาและนัดพร้อมสอบถามคู่ความทั้งสอง ฝ่ายเกี่ยวกับคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 13.30 น. นี้ ซึ่งตรงกับวันที่ศาลนัดนายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน มารายงานตัวหลังครบกำหนดฝากขังครั้งแรก12วัน.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี