วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
DSIขอศาลสั่ง'ชัยวัฒน์'-ลูกน้องห้ามจ้อสื่อ-เข้าพื้นที่  พร้อมติดกำไลอีเอ็มทุกคน

DSIขอศาลสั่ง'ชัยวัฒน์'-ลูกน้องห้ามจ้อสื่อ-เข้าพื้นที่ พร้อมติดกำไลอีเอ็มทุกคน

วันจันทร์ ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562, 14.15 น.
Tag : จ้อสื่อ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร บิลลี่เสียชีวิต บิลลี่ สู้คดี
  •  

ดีเอสไอยื่นคำร้องขอถอนประกันชัยวัฒน์ อุ้มฆ่าบิลลี่แล้ว ขอศาลสั่งห้ามชัยวัฒน์ จ้อสื่อ ห้ามชัยวัฒน์ ลูกน้องเข้าพื้นที่ พร้อมติดกำไลอีเอ็มทุกคน ศาลนัดพร้อมคู่ความ บ่าย 25 พ.ย.นี้

วันที่ 18 พฟศจิกายน 2562 เวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี  ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีร่วมกันฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยง เมื่อปี 2557 และถูกออกหมายจับพร้อมพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา และศาลอาญาคดีทุจริต ฯ มีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้งสี่ประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 8 แสนบาท แต่เนื่องจากภายหลังนายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี และอาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้


โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอระบุในคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์สรุปว่า  ตามที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังพร้อมคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันตัว จะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนเป็นอย่างมาก ประกอบกับภรรยาผู้เสียชีวิตได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้ว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาที่ 1-4 ได้รับการปล่อยชั่วคราวนั้น ปรากฏว่า ภายหลัง  นายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวก็เดินทางไปพบสื่อมวลชนและให้สัมภาษณ์สื่อมวลหลายช่องทางทั้งทีวี ออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ หลายวาระต่างกัน ซึ่งได้แนบเอกสารและคลิป(การให้สัมภาษณ์มาด้วย) 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นว่า  คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่มีการกล่าวหาผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้ารัฐระดับสูงจึงมีความยากลำบากในการแสวงหาพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากพยานไม่กล้าให้การ ซึ่งในคดีนี้ ดีเอสไอจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพยานที่ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่1 และเกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุ  หน่วยงานรัฐที่ผู้ต้องหาที่1 รับราชการอยู่และถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของหน่วยงานดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มีเนื้อหาบิดเบือนการสอบสวนและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีเจตนาสร้างความสับสนในการปฏิบัติหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์และต้องการให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนฯ อาจเกิดความเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอและไม่ให้ความร่วมมือทำให้มีความยากลำบากในการสอบสวน 

นอกจากนี้การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มิใช่การแสดงความเห็น ติชม โดยสุจริต เนื่องจากคดีนี้ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหาที่1 ต่อหน้าทนายความโดยให้โอกาสในการแก้ข้อหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประพฤติ ตาม ป.วิอาญามาตรา134 วรรค 4 แต่ผู้ต้องหาที่1 กับพวกไม่ให้การข้อเท็จจริงโดยปฏิเสธให้การทุกคำถาม แต่กลับไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญต่างๆต่อเสื่อมวลชน โดยผู้ต้องหาที่1 เป็นข้าราชการทราบดีว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่อาจชี้แจงตอบโต้หรือแสดงพยานหลักฐานในสำนวนต่อสื่อมวลชนได้ เพราะถือเป็นความลับในการสอบสวน  จึงเห็นได้ว่าการกระทำ ของผู้ต้องหาที่ 1 นอกจากไม่ใช่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตและยังมิใช่เป็นการสู้คดีตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่มีเจตนาพิเศษต้องการให้สังคมสับสนเข้าใจผิด กดดันการสอบสวน อีกทั้งการที่ผู้ต้องหาจะเข้าพื้นที่เกิดเหตุย่อมส่งผลทางจิตวิทยาให้บุคคลในพื้นที่หวั่นไหวไม่กล้าให้การหรือความร่วมมือ 

การกระทำดังกล่าวของนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรค เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนตาม ป. วิอาญามาตรา 108/1 (2)( 5) ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอศาลได้โปรดพิจารณาวินิจฉัยการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 หรือขอให้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1-4 ดังนี้ คือ   ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่1 สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีนี้ หรือให้ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอันส่งผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวน 

2. ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่1-4 เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พนักงานสอบสวนได้พบวัตถุพยานอันสำคัญ และยังมีพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องในคดีจำนวนมากอาจทำให้พยานเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่พนักงานสอบสวนให้และผู้ต้องหาที่1- 4 อาจจะเข้าไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานที่อยู่ระหว่างรวบรวมเพิ่มเติม

3. ให้ผู้ต้องหาที่1-4 ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคหรืออุปกรณ์อื่นหรือกำไลอีเอ็ม ที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ต้องหาที่1-4 เพื่อป้องกันกันการหลบหนีและผ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ขอให้ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่อุทยานแก่งกระจานอันจะเกิดความเสียหายต่อการรวบรวมพยานหลักฐานตาม ป.วิอาญามาตรา 108 วรรคท้าย หรือเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นควรพิจารณา

ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาและนัดพร้อมสอบถามคู่ความทั้งสอง ฝ่ายเกี่ยวกับคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 13.30 น. นี้ ซึ่งตรงกับวันที่ศาลนัดนายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน มารายงานตัวหลังครบกำหนดฝากขังครั้งแรก12วัน.
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ศาลแพ่งสั่งจำหน่ายคดี ครอบครัว‘บิลลี่’ฟ้องกรมอุทยานฯ เรียกค่าเสียหายกว่า 44 ล้าน ศาลแพ่งสั่งจำหน่ายคดี ครอบครัว‘บิลลี่’ฟ้องกรมอุทยานฯ เรียกค่าเสียหายกว่า 44 ล้าน
  • ศาลแพ่งรับคดี ครอบครัวบิลลี่ ฟ้องกรมอุทยานฯ เรียกค่าชดใช้รวมดอกกว่า 44 ล้าน ศาลแพ่งรับคดี ครอบครัวบิลลี่ ฟ้องกรมอุทยานฯ เรียกค่าชดใช้รวมดอกกว่า 44 ล้าน
  •  

Breaking News

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved