‘ชัยวัฒน์’โดนสั่งเด้งด่วน
ย้ายไปปัตตานี
DSIยื่นศาลถอนประกัน
หวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยาน
ห้ามจ้อสื่อ-ติดกำไลEM
นัดฟังไต่สวนบ่าย25พย.
“ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร”งานเข้า! ปลัด ทส.สั่งย้ายด่วนไปเป็น “ผอ.ทสจ.ปัตตานี” ระบุย้ายวาระปกติ ไม่เกี่ยวคดีความ ขณะที่ ดีเอสไอ ยื่นศาลอาญาคดีทุจริตฯ ขอถอนประกัน “ชัยวัฒน์” กับพวก คดีโยงอุ้มฆ่า “บิลลี่” อ้างหวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ขอให้ศาล สั่งห้ามจ้อสื่อ-ห้ามลูกน้อง เข้าพื้นที่พร้อม-ติดกำไลอีเอ็ม ศาลรับคำร้องนัดฟังไต่สวนบ่าย25พฤศจิกายนนี้
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ให้สัมภาษณ์ว่าทางสำนักงานปลัด ทส.ได้รับหนังสือจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชขอให้กระทรวงฯพิจารณาย้ายนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ซึ่งพอดีกับที่ทางสำนักงานทรัพยากรจังหวัด(ทสจ.)ปัตตานีว่างลง เพราะผู้อำนวยการ(ผอ.)ทสจ.ปัตตานี คนเดิม ย้ายไป เป็นผอ.ทสจ.ยะลา จึงได้ย้ายให้นายชัยวัฒน์ ไปแทน
นายจตุพรยืนยันว่าการสั่งย้ายด่วนนายชัยวัฒน์ครั้งนี้ เป็นการย้ายระดับ9ตามวาระปกติ ไม่เกี่ยวกับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอส)จะทำหนังสือให้ศาลพิจารณาถอนประกันตัวนายชัยวัฒน์ซึ่งได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดีที่มีเงื่อนไข ห้ามไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่างๆเป็นคนละส่วนกันซึ่งเรื่องนี้เป็นคำร้องขอมาจากกรมอุทยานฯซึ่งที่ทส.จะมีคำสั่งย้ายต้องได้ความยินยอมก่อน เพราะถือเป็นอำนาจของปลัด ทส.
เวลา11.00น.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนน นครไชยศรี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีร่วมกันฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยง เมื่อปี 2557 และ ถูกออกหมายจับ พร้อมพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ,นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหาหนักรวม 6ข้อหาและศาลอาญาคดีทุจริต ฯมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ประกันตัวไป โดยตีราคาประกันคนละ 8 แสนบาท แต่เนื่องจากภายหลังนายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี และ อาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้ พร้อมนำหลักฐานคลิปวิดีโอ และถอดคำให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในรายการต่างๆของนายชัยวัฒน์
โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอระบุในคำร้อง ขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์สรุปว่า ตามที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังพร้อมคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันตัว จะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนเป็นอย่างมาก ประกอบกับภรรยาผู้เสียชีวิตได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้ว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาที่ 1-4 ได้รับการปล่อยชั่วคราวนั้น ปรากฏว่า ภายหลัง นายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวก็เดินทางไปพบสื่อมวลชนและให้สัมภาษณ์สื่อมวลหลายช่องทางทั้งทีวี ออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ หลายวาระต่างกัน ซึ่งได้แนบเอกสารและคลิป(การให้สัมภาษณ์มาด้วย)
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่มีการกล่าวหาผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้ารัฐระดับสูงจึงมีความยากลำบากในการแสวงหาพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากพยานไม่กล้าให้การซึ่งในคดีนี้ ดีเอสไอจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพยานที่ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่1 และเกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุ หน่วยงานรัฐที่ผู้ต้องหาที่1 รับราชการอยู่และถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของหน่วยงานดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มีเนื้อหาบิดเบือนการสอบสวนและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีเจตนาสร้างความสับสนในการปฏิบัติหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์และต้องการให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนฯ อาจเกิดความเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอและไม่ให้ความร่วมมือทำให้มีความยากลำบากในการสอบสวน
นอกจากนี้ การให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่1 มิใช่การแสดงความเห็น ติชม โดยสุจริต เนื่องจากคดีนี้ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหาที่1 ต่อหน้าทนายความโดยให้โอกาสในการแก้ข้อหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประพฤติ ตาม ป.วิอาญามาตรา134 วรรค 4 แต่ผู้ต้องหาที่1 กับพวกไม่ให้การข้อเท็จจริงโดยปฏิเสธให้การทุกคำถาม แต่กลับไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญต่างๆต่อเสื่อมวลชน โดยผู้ต้องหาที่1 เป็นข้าราชการทราบดีว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่อาจชี้แจงตอบโต้หรือแสดงพยานหลักฐานในสำนวนต่อสื่อมวลชนได้ เพราะถือเป็นความลับในการสอบสวน จึงเห็นได้ว่าการกระทำ ของผู้ต้องหาที่ 1 นอกจากไม่ใช่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตและยังมิใช่เป็นการสู้คดีตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่มีเจตนาพิเศษต้องการให้สังคมสับสนเข้าใจผิด กดดันการสอบสวน อีกทั้งการที่ผู้ต้องหาจะเข้าพื้นที่เกิดเหตุย่อมส่งผลทางจิตวิทยาให้บุคคลในพื้นที่หวั่นไหวไม่กล้าให้การหรือความร่วมมือ
การกระทำดังกล่าวของนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 ถือได้ว่า เป็นการยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรค เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนตาม ป.วิอาญามาตรา 108/1(2)( 5)ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอศาลได้โปรดพิจารณาวินิจฉัยการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่1 หรือขอให้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1-4 ดังนี้
คือ1.ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่ 1สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีนี้ หรือให้ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอันส่งผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวน 2.ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาที่1-4 เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พนักงานสอบสวนได้พบวัตถุพยานอันสำคัญ และยังมีพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องในคดีจำนวนมากอาจทำให้พยานเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่พนักงานสอบสวนให้และผู้ต้องหาที่1- 4 อาจจะเข้าไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานที่อยู่ระหว่างรวบรวมเพิ่มเติม
3.ให้ผู้ต้องหาที่1-4ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคหรืออุปกรณ์อื่นหรือกำไลอีเอ็ม ที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือ จำกัดการเดินทางของ 4 ผู้ต้องหา เพื่อป้องกันกันการหลบหนีและผ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ขอให้ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่อุทยานแก่งกระจานอันจะเกิดความเสียหายต่อการรวบรวมพยานหลักฐานตาม ป.วิอาญามาตรา 108 วรรคท้าย หรือ เงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นควรพิจารณา
หลังพนักงานสอบสวนดีเอสไอเดินทางเข้ารายงานข้อเท็จจริงต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว ศาลรับคำร้องไว้พิจารณา พร้อมนัดสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว หรือ เพิ่มเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ วันที่25พ.ย.เวลา13.30น.ซึ่งตรงกับวันที่ศาลนัดนายชัยวัฒน์และพวกรวม 4 คน มารายงานตัวหลังครบกำหนดฝากขังครั้งแรก 12วัน.
เช้าวันเดียวกัน ที่ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.6246/2561 พนักงานอัยการ เเละนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษพิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (ชุดพญาเสือ) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมัคร ดอนนาปี อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เเละนายวุฒิ บุญเลิศ หรืออาจารย์วุฒิ นักวิชาการอิสระที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าสินไหมทดแทน กรณีที่นายวุฒิ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ค เกี่ยวกับการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบไร่”ชัยราชพฤกษ์”ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวน ที่นายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษร พี่ชายของนายชัยวัฒน์ฯ มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง
ในวันนี้ทนายโจทก์ร่วมจำเลย ทั้งสอง พร้อมทนายจำเลยที่ 2 เดินทางมาศาล ส่วนโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริง ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ร่วมด้วยจึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนตามที่โจทก์ร่วมยื่นคำร้องเข้ามา โดยพิพากษายกฟ้องและยกคำร้องของโจทก์ร่วม ที่ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
นายปรีดา นาคผิว ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า ศาลเห็นว่าข้อความที่มีการโพสต์ตามที่นายชัยวัฒน์กล่าวอ้างตามคำฟ้อง ไม่ได้กล่าวถึง หรือ มีพยานหลักฐานใดที่จะทำให้วิญญูชนหรือประชาชนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวถึงนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หรือเข้าใจได้ว่านายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษรที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองตามโพสต์ เป็นผู้ถือครองที่ดินแทน นายชัยวัฒน์ เมื่อพิจารณาเนื้อหาตามโพสต์แล้ว ผู้โพสต์มุ่งหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบการครอบครองไร่ชัยราชพฤกษ์ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ถือว่าเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี