เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 น.ส.จิตติมา สุพรรณพงศ์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่า ถูกผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาเกาะสมุย ได้นำบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์ของตนเอง ไปปลอมลายเซ็นเพื่อทำบัตรเอทีเอ็ม เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555 และในปี พ.ศ.2556 ก็เริ่มกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มออกมาอยู่เรื่อยๆ ครั้งละหลักหมื่นถึงหลักแสน นอกจากนี้ ยังได้ปลอมลายเซ็นในใบถอนเงิน ไปถอนเงินออกจากบัญชี ยอดสูงสุด 1 ล้านบาท จนในปี พ.ศ.2558 มาตรวจพบเงินในบัญชี่สูญหายไปแล้วกว่า 9 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังเรื่องเปิดเผยออกมาก็ไปแจ้งธนาคารให้ตรวจสอบ แต่เรื่องกับยืดเยื้อนานจนถึงปัจจุบัน แต่การตรวจสอบที่ล่าช้าของธนาคาร ทำให้ผู้ช่วยผู้จัดการต้องสงสัยคนดังกล่าวได้ขอลาออกจากธนาคาร และได้ไปทำงานที่ธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีสาขาบนเกาะสมุย ผู้เสียหายกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงินคืน จึงได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ระยะเวลาผ่านไป 1 ปีแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายจึงมาร้องผ่านสื่อมวลชน หวั่นว่าคดีถูกดอง เพราะตอนนี้ธุรกิจได้รับความเสียหายจนหมดเนื้อหมดตัว
โดย น.ส.จิตติมา ผู้เสียหาย ได้แสดงหลักฐานสำเนาใบคำขอทำบัตรกดเงินสด หรือเอทีเอ็ม พร้อมด้วยสำเนาบัตรประชาชนของตนเองที่ถูกปลอมลายเซ็น บัตรเอทีเอ็มที่คนร้ายนำไปใช้กดเงินสด และสเตทเม้นท์ของตนเอง ที่ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารรายนี้ถอนเงินสดผ่านบัตรเอทีเอ็ม ตั้งแต่หลักหมื่นบาทจนถึงหลักแสนบาท และสุดท้ายได้มีการกดเงินออกไปจากบัญชีจำนวน 400 บาท จนหมดบัญชี นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่ผู้ช่วยผู้จัดการคนนี้ได้ถอนเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท การถอนเงินสดจำนวนดังกล่าวผู้ช่วยผู้จัดการรายนี้ได้ใช้รหัสอนุมัติวงเงินทำรายการถอนเงินสดจำนวนดังกล่าวออกไปจากบัญชีตนเอง
น.ส.จิตติมา ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ตนเองได้รู้จักกับผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารคนนี้จากการแนะนำของผู้ใหญ่ในแวดวงนักธุรกิจบนเกาะสมุย ที่เคยใช้บริการกับธนาคารแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นธนาคารที่ผู้ช่วยผู้จัดการรายนี้ทำงานอยู่เพิ่งเปิดสาขาบนเกาะสมุย ช่วงนั้นตนเองมีโครงการที่จะก่อสร้างห้องพัก จึงได้นำที่ดินไปขายฝากเพื่อนำเงินมาลงทุน พอได้เงินมาก็นำไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ฝากไว้ที่ธนาคารจำนวน 9 ล้าน 5 แสนบาท ต่อมาตนเองได้สั่งจ่ายเช็คเป็นค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงผู้รับเหมา แต่ว่าเช็คที่จ่ายไปไม่ผ่าน ก็เลยไปตรวจสอบที่ธนาคาร เพราะคิดว่าเงินน่าจะอยู่ในบัญชีเยอะเพราะไม่เคยถอนเงินมาใช้ จากการตรวจสอบก็พบว่าเงินถูกถอนออกไปผ่านบัตรเอทีเอ็มที่ตัวเองไม่เคยขอมีบัตรเอทีเอ็มใบดังกล่าว และใบถอนเงินสดจำนวน 9 ล้านบาท ดังกล่าว
"ตนเองไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ช่วยผู้จัดการคนดังกล่าวกับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุดแล้ว แต่ว่าผ่านมา 1 ปี ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าการสอบสวนมีความคืบหน้าแต่อย่างใด และจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเมื่อไหร่ ส่งผลทำให้ตอนนี้ตนเองเป็นหนี้เป็นสิน และธุรกิจได้รับความเสียหายหมดเนื้อหมดตัว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการถึงความคืบหน้าของคดีนี้ด้วย" น.ส.จิตติมา ผู้เสียหาย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี