“ในหลวง” ทรงโปรดเกล้าฯให้จัดขบวนราบใหญ่ ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร พระราชพิธีบรมราชาภิเษกทางชลมารค 12 ธ.ค. “นายกฯ” เชิญชวนปชช.สวมใส่เสื้อสีเหลืองเฝ้าฯ รับเสด็จ ย้ำอำนวยความสะดวกประชาชน จัดรถรับ-ส่ง-การจราจร-บริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กำหนดเป็นวันหยุด
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 2/2562 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้แทนหน่วยงานในพระองค์ ร่วมประชุมด้วย
โดยที่ประชุมได้รับทราบการเลื่อนวันเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการจัดริ้วขบวนราบเสด็จพระราชดำเนินจากท่าราชวรดิฐไปยังพระบรมมหาราชวัง ด้วยสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือเรียนราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลื่อนกำหนดวันที่จะเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ซึ่งกองกิจการในพระองค์ 904 ได้นำความกราบบังคมพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนการดังกล่าวเป็นวันที่ 12 ธันวาคม 2562 เวลา 15.30 น. และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มริ้วขบวนราบเสด็จ พระราชดำเนินจากท่าราชวรดิฐไปยังพระบรมมหาราชวัง
โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รายงานความคืบหน้าการเตรียมการทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ให้ที่ประชุมรับทราบด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความพร้อมการเตรียมการด้านต่างๆ ประกอบด้วย การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 การจัดริ้วขบวนราบเสด็จพระราชดำเนินจากท่าราชวรดิฐไปยังพระบรมมหาราชวัง การจัดสถานที่สำหรับประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท การรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชาสัมพันธ์การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค และการจัดริ้วขบวนเสด็จพระราชดำเนินจากท่าราชวรดิฐไปยังพระบรมมหาราชวัง
โดยนายกฯเน้นย้ำให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนราชประเพณี การบริหารจัดการเรื่องรถรับ-ส่ง สำหรับผู้เข้าร่วมพระราชพิธีและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและงานด้านการจราจร ต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชน ให้ทราบอย่างกว้างขวาง มีความรู้เข้าใจเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมถึงกำหนดจุดเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ให้ได้รับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้มากที่สุด ตลอดจนบริการต่างๆ ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการแพทย์ อาหารและน้ำดื่มต้องเพียงพอและเหมาะสม
นายกฯ ยังกำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันบริหารจัดการขยะต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักและร่วมกันดูแลรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานกำหนดวันซ้อมตามช่วงเวลา เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กำหนดไว้ และเชิญชวนประชาชนที่ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ร่วมกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองเพื่อให้เกิดความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมเพรียงกัน
จากนั้นภายหลังการประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีฯได้มีการหารือถึงกำหนดการและพิธีการเตรียมการ หลังได้มีการเลื่อนการจัดงานออกมาเป็นวันที่ 12 ธันวาคม โดยกำหนดการเดิมคือ 1.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขบวนพยุหยาตรายังคงใช้เรือจำนวน 52 ลำตามเดิม โดยเรือพระที่นั่งจะคงใช้ 4 ลำใหญ่เช่นเดิม ในส่วนของเรือนำคือ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นพระมงคลที่นำขบวนทุกครั้งในประเทศไทย ลำที่ 2 คือ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นเรือที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลำที่ 3 คือ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เป็นของสมเด็จพระบรมวงศ์ และลำที่ 4 คือ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เป็นเรือพระที่นั่งสำรอง นอกจากนั้นเป็นเรือดั้ง เรือแซง เรือรูปสัตว์ และเรือมีชื่อต่างๆ ทั้งหมด 52 ลำ ซึ่งเรียกว่าขบวนพยุหยาตราใหญ่
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ปัจจุบันเรือทั้งหมดนำเก็บรักษาไว้ที่อู่ เมื่อใกล้เวลาก็จะนำออกมา โดยจะมีการซ้อมในวันที่ 4 ธ.ค. วันที่ 7 ธ.ค. และในวันที่ 9 ธ.ค.จะเป็นการซ้อมใหญ่ แต่งกายเสมือนจริง ซึ่งการซ้อมใหญ่วันที่ 9 ธ.ค.นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงจากเวลาจริงซึ่งเป็นเวลาเสด็จในเวลา 15.30 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 13.30 น. เพราะมีการคำนวณกระแสน้ำจะตรงกับกระแสน้ำในวันพระราชพิธีฯจริง ซึ่งเรื่องของกระแสน้ำเป็นอีกสาเหตุที่ต้องเลื่อนจากวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยเป็นการซ้อมเฉพาะทางน้ำ ส่วนบนบกจะมีการซ้อมเฉพาะนายกรัฐมนตรี ประธานสภาฯ โดยจะมีการซ้อมรับและส่งเสด็จในวันที่ 7 ธ.ค. ที่บริเวณท่าน้ำทั้งสองท่า
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 2 ในส่วนการจัดผู้รับเสด็จที่ยังไม่เกี่ยวกับประชาชน ในเฉพาะผู้มีตำแหน่งหน้าที่ ได้มีการเตรียมบริเวณสวนหลวงรัชกาลที่ 8 ที่เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี ซึ่งจะมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 ประดิษฐ์อยู่ สามารถบรรจุคนได้ 2,500 คน โดยจะมีคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. ส.ว. ฝ่ายตุลาการ คณะทูตานุทูตฝ่ายต่างประเทศ ผู้แทนต่างประเทศ ส่วนที่สวนสันติชัยปราการ ถนนท่าพระอาทิตย์ บริเวณป้อมพระสุเมรุ จะเป็นที่ประทับของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า และรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งประธานองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
"สำหรับจุดที่สำคัญที่สุดมีสองจุด จุดเริ่มต้นคือที่ท่าวาสุกรี และสุดปลายทางคือท่าราชวรดิฐ ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเรือประมาณ 1.15 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรี ประธานสภาฯ ประธานศาลฎีกา ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผบ.ตร.จะรอเฝ้าส่งเสด็จที่ท่าวาสุกรี จากนั้นจะรีบขึ้นรถเพื่อมารอรับเสด็จที่ท่าราชวรดิฐ" นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย มีตึกใหญ่ 2 หลัง คือตัวอาคารที่เคยเป็นพระตำหนักเก่า จะเป็นที่รับบรรดานักธุรกิจและบุคคลสำคัญของภาคเอกชน ส่วนตึกศูนย์การเรียนรู้ธปท. จะเป็นที่ของพระอนุวงศ์ พระราชวงศ์ในระดับเจ้านาย โดยทั้งหมดจะไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ชนิดต่างคนต่างไป เพราะจะเกิดปัญหาการจราจร ดังนั้นทั้งหมดจะไปขึ้นรถที่จุดรวมพลตามที่นัดหมาย โดยมีรถตำรวจนำขบวนเช่นเดียวกันกับเวลากลับ เช่น ครม.จะต้องมาเริ่มต้นที่ทำเนียบรัฐบาล คณะทูตานุทูตทั้งหมดรวมพลที่กระทรวงต่างประเทศ สมาชิกรัฐสภารวมพลที่อาคารรัฐสภาเกียกกาย พระราชวงศ์จะไปรวมกันที่โรงเรียนวชิราวุธ ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ส่วนการเข้าเฝ้าฯรับและส่งเสด็จ ก็สามารถทำได้แม้กระทั่งเส้นทางถนนราชดำเนิน
รองนายกฯ กล่าวว่า ในการจัดพิธีวันที่ 12 ธันวาคม มีเรื่องใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งไม่ได้อยู่ในกำหนดเดิมของงานพระราชพิธีฯ บัดนี้ได้ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขบวนราบใหญ่เพิ่ม โดยของเดิมเมื่อขบวนเรือมาถึงท่าราชวรดิฐ ซึ่งมีพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยอยู่ตรงริมน้ำ เดิมเมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวก็จะเสด็จเข้าประทับที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แล้วขึ้นรถยนต์พระที่นั่งเสด็จกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน แต่บัดนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม โดยเมื่อเรือมาถึงท่าราชวรดิฐก็จะเสด็จขึ้นที่พลับพลาก่อนเสด็จไปยังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เจ้านายบางพระองค์ อาทิ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา จะเสด็จเข้าพลับพลาเพื่อทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ต่อจากนั้นก็จะมีขบวนที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ที่เรียกกันว่าขบวนราบใหญ่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคในช่วงที่ผ่านมา คือจะเสด็จออกจากพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย โดยประทับบนพระที่นั่งพุดตานทอง และเข้าขบวนแห่ โดยทหารกองทัพภาคที่ 1 จะนำขบวน มีคู่เคียงเหมือนริ้วขบวนพยุหยาตราเมื่อคราวที่แล้ว แต่มีขนาดย่อมเยาลงมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีและบุคคลอื่นจะไม่เข้าร่วมขบวน แต่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เข้าร่วมในขบวน สำหรับสมเด็จพระราชินีนั้น ตนยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะร่วมขบวนนี้ด้วยหรือไม่ โดยขบวนจะยาตราออกจากท่าราชวรดิฐมาตามถนนมหาราช ก่อนเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาเข้าพระบรมมหาราชวัง ที่ประตูวิเศษไชยศรี แล้วเสด็จไปสู่พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ เพื่อจะเปลี่ยนฉลองพระองค์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน โดยจะไม่มีการไปรับและส่งเสด็จในที่ดังกล่าว โดยทั้งหมดจะส่งแค่ที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยเท่านั้น
นายวิษณุ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ เพื่อให้ขบวนพยุหยาตราในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่เริ่มขึ้นแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนจบลงโดยสมบูรณ์ คือ มีทั้งขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและสถลมารค ซึ่งประชาชนสามารถเข้าชมพระบารมีและรับเสด็จได้ทั้งสองฝั่งถนน ทั้งถนนหน้าพระลานและถนนราชดำเนิน ขณะที่กรุงเทพมหานครก็จะมีหน้าที่ตกแต่งประดับธงทิวและดอกไม้ต่างๆ ตลอดเส้นทางเสด็จ ส่วนการประชาสัมพันธ์คิดว่าเรียบร้อยกว่าที่เตรียมมา เพราะเดิมในวันที่ 8 ธันวาคม จะมีงานอุ่นไอรักฯ เมื่อไม่มีงานดังกล่าวแล้วการติดตั้งการถ่ายทอดสดต่างๆ รวมทั้งการใช้โดรนก็จะทำได้สะดวกมากขึ้น โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ทั้งวิทยุโทรทัศน์ในภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งอาจมีภาษาต่างประเทศอื่นๆ ด้วยตามความสมควร ซึ่งจุดที่การถ่ายทอดภาพและผู้สื่อข่าวจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสวยงาม ที่ประชุมมีมติว่าจุดที่สวยงามที่สุดคือบริเวณป้อมพระสุเมรุ ซึ่งเป็นบริเวณโค้งน้ำ จึงสามารถมองเห็นเรือ 52 ลำได้อย่างชัดเจน และในการถ่ายทอดประชาสัมพันธ์พระราชพิธีฯในครั้งนี้ จะอนุญาตให้ใช้โดรนกว่า 10 ตัว ซึ่งเดิมจะไม่ได้นำมาใช้สำหรับการถ่ายทอดสด
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งการปิดถนนต่างๆจะใช้วิธีปิดให้ช้าและเปิดให้เร็ว แต่คงไม่มีปัญหาเพราะใช้วิธีรวมพลเป็นจุดๆ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุมถึงการเตรียมยาและการรักษาพยาบาล รวมทั้งอาหารและน้ำดื่ม ตลอดจนสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง ขณะที่การประชาสัมพันธ์และการทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบถึงการเฝ้ารับเสด็จ ยืนยันว่าสำหรับภาคเอกชนและประชาชนจุดสำคัญอันดับหนึ่งคือ โรงเรียน โรงพยาบาล วัด คอนโดมิเนียม อาคารชุด โรงแรม และร้านอาหารที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งการเข้าออกอาจลำบากบ้าง แต่ได้ขอความร่วมมือให้มีการอำนวยความสะดวกประชาชนในการใช้ห้องน้ำด้วย
รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับจุดที่ประชาชนสามารถรับเสด็จและมีความสวยงามอีกจุดคือ บริเวณด้านขวาของสวนหลวงรัชกาลที่ 8 หรือเชิงสะพานพระราม 8 ซึ่งยาวไปถึงวัดคฤหบดี สามารถจุคนได้หลายพันถึงหลักหมื่นคน ส่วนที่เหลือสามารถกระจายไปตาม 6 วัดริมน้ำตามเส้นทางเสด็จ ได้แก่ วัดราชาธิวาส วัดเทวราชกุญชร วัดบวรมงคล วัดคฤหบดี วัดสามพระยา และวัดระฆังโฆสิตาราม โดยเมื่อเรือผ่านวัดใดพระสงฆ์จะออกมาที่พลับพลาหน้าวัด พร้อมเจริญพระพุทธมนต์สวดชยันโต ตามธรรมเนียมเมื่อเรือเสด็จผ่าน
"เมื่อเสร็จพระราชพิธีทางชลมารคเรียบร้อย เรือทั้ง 52 ลำ จะกลับสู่ที่เดิม ไม่มีการจอดเรือให้ประชาชนถ่ายรูป ทั้งนี้ในพระราชพิธีวันที่ 12 ธันวาคม จะไม่มีการประกาศเป็นวันหยุดราชการ เพราะช่วงงานพระราชพิธีฯ จะเลยเวลาราชการไปแล้ว โดยขบวนเรือเริ่มในเวลา 15.30 น. มาถึงจุดท่าราชวรดิฐ เวลาประมาณ 16.30 น. จากนั้นจึงเป็นขบวนราบใหญ่ ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 25 นาที ก็จะเลยเวลา 17.00 น. ไปแล้ว" นายวิษณุ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี