‘นัน กิ่งเพชร’อ้างเฉย

แค่ลูกน้องทำตามสั่ง

ไม่ได้กรรโชกทรัพย์

เหยื่อละเมิดลิขสิทธิ์

ผบช.ภ.4 สอบปากคำเพิ่มเติม “นัน กิ่งเพชร” ผู้ต้องหาร่วมกับพวก ล่อซื้อจับกุมเหยื่อละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนโดราเอม่อน ปัดข้อหา อ้างเป็นแค่ลูกน้องทำตามคำสั่ง ตร.เร่งขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เหลือ

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังตำรวจภูธร จ.มหาสารคาม ได้ควบคุมตัวนายภูมิภากร ถิ่นสุวรรณ์ หรือ “นัน กิ่งเพชร” อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ข้อหากรรโชกทรัพย์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากนายภูมิภากร ถูกตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 กล่าวถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ว่า มีการแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าและการ์ตูนชื่อดัง เพื่อจับกุมผู้ที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา น.ส.ชญานิศ นามไพร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 9 ต.แคนใหญ่ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ได้ประกาศขายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊กในชื่อ “นิดหน่อย เด็กดี” จำหน่ายสินค้าประเภทชั้นวางของทำจากไม้ ซึ่งรับจากผู้ผลิตมาขายราคาชิ้นละ 290 บาท เพื่อเป็นการหารายได้เสริม แต่ต่อมา กลับมีผู้ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “วนิสา ถินสุวรรณ์” ส่งข้อความทางแชท ติดต่อขอซื้อชั้นวางลอยลายการ์ตูน “โดเรม่อน” ซึ่งผู้เสียหายตอบไปว่าไม่มีลายการ์ตูนดังกล่าว ที่ได้นำภาพมาลงเป็นรูปของคนอื่น จากนั้นก็ติดต่อขอซื้อชั้นวาง 2 ชิ้น นัดส่งมอบกันที่ห้างเสริมไทยคอมเพล็กซ์ วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายนำกระดาษห่อของขวัญลายโดเรม่อน มาติดไว้ที่ชั้นวาง ก่อนส่งมอบสินค้า

ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า เมื่อมีการส่งมอบสินค้าต่อกันแล้ว ทางนายภูมิภากร หรือนัน กิ่งเพชร ผู้ต้องหา ได้เข้ามาพร้อมกับชายฉกรรจ์ 5-6 คน แสดงตัวขอตรวจดูสินค้า จากนั้นผู้ต้องหาอ้างว่าได้มากับทางตำรวจเพื่อมาจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนโดเรม่อน ก่อนจะพาผู้เสียหายไปที่ สภ.เมืองมหาสารคาม มีการเจรจากันที่ชั้น 2 โดยทางนายพิพล โตตันติกุล ซึ่งอ้างตัวเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ พูดจาข่มขู่ผู้เสียหาย เรียกเงินเป็นจำนวน 1 แสนบาท เพื่อแลกกับการเคลียร์คดี เพื่อไม่ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงโทรศัพท์ไปบอกผู้ปกครอง

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวอีกว่า ในระหว่างการเจรจา ได้มีการต่อรองจำนวนเงิน โดยท้ายที่สุดตกลงจ่ายกันที่ 50,000 บาท นัดหมายรับเงินกันในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาได้เดินทางไปรับเงินจำนวนดังกล่าวด้วยตนเองจากผู้ปกครองของผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งมาทราบข่าวเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ถูกล่อซื้อจับกระทงลายการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นใน จ.นครราชสีมา จึงได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม ส่วนนายพิพล กับพวก อยู่ในระหว่างขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน นายภูมิภากร ให้การภาคเสธว่า ไม่ได้กรรโชกทรัพย์ และเป็นเพียงคนส่งงาน โดยทำงานแบบฟรีแลนซ์เท่านั้น แต่มีนายพิพล ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง และเป็นหัวหน้าทีม ตนเป็นเพียงลูกทีม ทำตามคำสั่ง ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีตัวแทนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีผู้เสียหาย 61 ราย รวมมูลค่าเสียหายกว่า 1.4 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกล่อซื้อกระทงลายการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ โดย พล.ต.ต.สุจินต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถแจ้งข้อหานายภูมิภากร รวมทั้งตัวแทนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์รายใด เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นใน จ.นครราชสีมา แตกต่างจากพื้นที่ จ.มหาสารคม โดยจะต้องตรวจสอบจากพฤติการณ์ในการจับกุมผู้เสียหายเป็นรายๆ ไป

พล.ต.ต.สุจินต์ กล่าวอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม เพราะหลายคดีต้องตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตตัวแทนลิขสิทธิ์ ยังคงต้องรอการยืนยันจากบริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หลายรายหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอก็ดำเนินคดีไม่ได้ ส่วนกรณีของเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ทำกระทงลายการ์ตูน แล้วถูกกรรโชกทรัพย์ ศาลยังไม่อนุมัติหมายจับเนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆ ไม่เพียงพอ แต่หากประเด็นใดมีหลักฐานมากพอ ก็พร้อมจะขออำนาจศาลออกหมายจับ โดยความคืบหน้าต่างๆ นั้น ได้รายงาน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.รับทราบแล้ว