ข้าวเหนียวพุ่งตันหมื่นห้า
ชาวนากระเป๋าตุง
ตลาดรับซื้อไม่อั้น
เข้าคิวยาวเหยียด
ชาวนากาฬสินธุ์กระเป๋าตุงข้าวเหนียวราคาพุ่งตันละหมื่นห้าแซงข้าวหอมมะลิ สาเหตุมาจากปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตออกมาน้อยด้านผจก.ตลาดกลางข้าวและพืชไร่แนะชาวนาใช้ข้าวพันธุ์ดี หากใช้พันธุ์เก่า เสี่ยงเกิดปัญหาข้าวกลายพันธุ์
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับซื้อข้าวเปลือกที่ตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.กาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ยังคงคึกคักเนื่องจากมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกที่ผ่านการตากแห้งมาขายกันจำนวนมากโดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวหลังจากราคาข้าวเหนียวพุ่งสูงขึ้นถึงตันละ15,000บาทโดยบางรายต้องมาจองคิวกันตั้งแต่เช้ามืดและต้องจอดรถรอคิวขายข้าวกันหลายร้อยเมตร
นายศรายุทธ ยุบลเลิศ อายุ 51ปี เกษตรกรชาว อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่าได้นำข้าวที่ผ่านการตากแดดแห้งแล้วมาขายจำนวน 1ตันซึ่งขายได้ได้ตันละ 14,500 บาท เนื่องจากเห็นว่าในช่วงนี้ราคาข้าวสูง จึงต้องการขายในช่วงนี้เพื่อที่จะนำเงินไปใช้หนี้ค่าเกี่ยวข้าวและใช้จ่ายในครอบครัว แต่การขายต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากมีเกษตรกรที่ทราบข่าวว่าราคาข้าวเหนียวสูง ต่างก็นำข้าวของตนเองมาขายเหมือนกัน ทำให้บางวันต้องจอดรถรอคิวนานและยาวหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว
ด้านนายธนพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าช่วงนี้การรับซื้อข้าวเปลือกใกล้เข้าสู่ในช่วงปลายฤดูกาลแล้ว แต่บรรยากาศยังคงคึกคักไม่แพ้ช่วงต้นๆ เนื่องจากยังคงมีเกษตรกรในหลายพื้นที่ซึ่งได้นำข้าวเปลือกไปตากให้แห้งและชะลอการขาย พร้อมกับนำมาขายที่ตลาดกลางข้าวและพืชไร่จำนวนมากซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวเปลือกเหนียวจากที่ในช่วงต้นฤดูกาลราคารับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 9,000 บาท ปัจจุบันราคาข้าวเหนียวสดสูงขึ้นเป็นตันละ 12,500-13,000บาท ส่วนข้าวแห้งความชื้นไม่เกิน15 เปอร์เซ็นต์รับซื้ออยู่ที่ตันละ14,500-15,000 บาท แตกต่างจากราคาการรับซื้อเมื่อปี 2561ซึ่งราคาข้าวเปลือกเหนียวสูงสุดอยู่ที่ตันละ12,000บาทเท่านั้น
นายธนพลกล่าวว่าส่วนราคาของข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินั้นปีนี้ต่ำลงเล็กน้อย โดยข้าวหอมมะลิสดอยู่ที่ตันละ11,500-12,000 บาท ข้าวหอมมะลิแห้งความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ตันละ 14,500-15,000 บาท จากปีที่แล้วอยู่ที่ตันละ15,000 บาท สาเหตุเกิดจากค่าเงินบาทของไทยแข็ง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาข้าวหอมมะลิไม่สูงเหมือนปีที่แล้ว ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วไปไม่ค่อยดี การส่งออกก็ลำบาก ซึ่งหากไม่มีเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ผลผลิตข้าวปีนี้ไม่สมบูรณ์ มีปริมาณน้อยลงราคาข้าวก็น่าจะปรับสูงขึ้น
ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ กล่าวอีกว่าสำหรับสาเหตุที่ราคาข้าวเหนียวในปีนี้สูงขึ้นจากปีที่แล้วตันละ 12,000 บาท มาถึงตันละ 15,000 บาทนั้น ปัจจัยหลักคือหลายพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลิตข้าวเหนียวของภาคอีสานหายไปจำนวนมาก ซึ่งยังเป็นห่วงว่าในช่วงกลางปี 2563 เกษตรกรที่ปลูกข้าวในบางจังหวัดอาจจะต้องซื้อข้าวบริโภคเอง ทำให้เป็นภาระอีกอย่างหนึ่ง เพราะประสบปัญหาภัยแล้งและเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้
สำหรับการปลูกข้าวนาปรังที่กำลังจะมาถึงนี้ อยากให้เกษตรกรให้ความสำคัญของเรื่องพันธุ์ข้าวปลูก เพราะหากพันธุ์ข้าวดีแล้วจะส่งผลให้คุณภาพข้าวและขายได้ราคาดีด้วย โดยเกษตรควรที่จะใช้พันธุ์ข้าวใหม่ๆที่ทางศูนย์เมล็ดพันธุ์หรือหน่วยงานให้การรับรอง ควรหลีกเลี่ยงและเลิกใช้พันธุ์ข้าวเก่าๆ หรือที่เรียกกันว่าพันธุ์เล้าแตก เพราะมีมานานมากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาการกลายพันธุ์ จนเป็นเม็ดใสและข้าวเหนียวกลายเป็นข้าวเจ้าได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี