วันที่ 7 ธันวาคม 2562 ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขียนบทความ “ที่เรียกว่าคอมฟอร์ตโซน” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว กล่าวถึงกรณี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังกลับจากการร่วมประชุมงาน “ASEAN-ROK Startup Expo 2019” ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ โดยตอนหนึ่ง นายสุวิทย์ ได้ระบุว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยของไทยถูกทำให้ปลอดภัย หรือคอมฟอร์ตโซน (Comfort Zone) ไม่ต้องถูกกระตุ้นให้แข่งขัน และการเรียนรู้ในห้องเรียนไม่ตอบโจทย์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป และแม้แต่ความรู้อาจารย์ก็ไล่ตามนักศึกษาไม่ทันแล้ว ดังนี้
“ผมคิดว่ามีปรากฏการณ์ข้อมูลในรอบหลายปีหลังนี้ให้สันนิษฐานได้ว่าการเรียนอุดมศึกษาแบบใช้ห้องบรรยาย (lecture) เป็นศูนย์กลางอาจใช้การไม่ได้ดังเดิมอีกต่อไป การที่นักศึกษาโดดร่มขาดเรียนเป็นประจำราวครึ่งห้องเป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่ง ทั้งนี้มิไยว่าการบรรยายจะเตรียมดีเต็มที่เพียงใดก็ตาม การเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาเป็นเชิงชี้แนวทางให้เข็มทิศแผนที่เพื่อเขาไปหาความรู้ที่อยากรู้เองในขอบข่ายเนื้อหาวิชาเป็นทางหนึ่ง โดยควรมีระบบติดตามผล ประเมินและควบคุมแนะนำปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานของผลงานและกระบวนการเรียนรู้เองของเขาให้ด้วย”
“ในทางกลับกัน ผมพบว่าความสามารถของนักศึกษาในการอ่าน จับประเด็น เชื่อมโยง มองเห็นภาพรวมและนัยสืบเนื่องที่กว้างออกและลึกลงไป พร้อมทั้งนำเสนอ บกพร่องขาดแคลนมาก พวกเขาไม่ได้ถูกฝึกมา ทำไม่เป็น แยกการอ่านจับประเด็นเรียบเรียงคิดต่อนำเสนอ กับการย่อความ ไม่ออก จำขังตัวเองไว้ในกรอบภาษาวิธีคิดของตัวบทที่อ่านอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้จักย่อย คิดเองต่อ และสมานกับความเข้าใจของตัวเองและสภาพจริงภายนอก”
“เช่นพวกเขาไม่เข้าใจว่า หัวใจของการอ่านงานมานำเสนอไม่ใช่ย่อความหรือพูดซ้ำตามบทอ่าน แต่คือการรวบยอดความคิด มองเห็นภาพรวม จับประเด็น ทิ้งกากเอาแก่น ทิ้งปลอมเอาแท้จากนี่สู่นั่นจากนอกสู่ใน ไม่เข้าใจว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนอ่านเอกสารชิ้นเดียวกับเขามาแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดซ้ำ แต่ต้องอุทิศสร้างสรรค์ความเข้าใจใหม่ๆขึ้นมา ให้เพื่อนฟังการนำเสนอของตนแล้ว เกิดตาสว่าง สามารถเข้าใจตัวบทเอกสารนั้นเพิ่มเติมลึกกว้างงอกเงยออกไป กล้าออกนอกคอมฟอร์ตโซนของตัวบท. เพราะถ้าเพื่อนฟังคุณนำเสนอแล้ว เข้าใจเท่าเดิม คุณจะนำเสนอไปหาพระแสงด้ามยาวอะไร”
“นี่คือทักษะที่นักศึกษาส่วนใหญ่ขาดพร่องอย่างยิ่งและต้องได้รับการฝึกฝนขึ้นมาในชั้นเรียน หรือจากการตรวจและคอมเมนท์งานโดยอาจารย์ ไม่มีอะไร comfortable ในโซนการฝึกฝนนี้ เมื่อมีนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งนำเสนอหนังสือภาษาไทยที่รับมอบหมาย โดยขีดไฮไลต์ตามหน้าต่างๆข้อความต่างๆที่คิดว่าสำคัญ แล้วมาเปิดอ่านตรงที่ตัวไฮไลต์ให้เพื่อนร่วมชั้นฟังไปเรื่อยๆทีละหน้าๆ ผมฟังอยู่ห้านาที ก็บอกให้เธอหยุด อธิบายว่าที่ทำนี้ไม่ใช่การนำเสนอเลย ที่ถูกควรพยายามทำอย่างไร เธอก็น้ำตาตก ดรอปวิชานี้ และลาออกไปในที่สุด”
“ใครว่านี่เป็นคอมฟอร์ตโซน” สะท้อนว่าไม่รู้จักปัญหาที่เป็นจริงของการเรียนปัจจุบัน ไม่รู้จักความสามารถและขีดจำกัดที่มีอยู่จริงของนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ได้สอนหนังสือมานานแล้ว จึงได้แต่มโนไปตามศัพท์เทคนิคฝรั่งล่าสุด ไม่ว่าจะกี่จุดศูนย์ก็ตาม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี