ช่วงปลายปีที่แล้ว ผมและคณะได้รับเชิญจาก เอ็นเอฟเอ หรือ National Food Authority ของฟิลิปปินส์ให้ไปร่วมประชุมเพื่อวางแผนการช่วยเหลือข้าวตามรูปแบบที่ 3โดยส่งข้าวไปจัดเก็บล่วงหน้า ซึ่งทางฟิลิปปินส์ เสนอตัวเข้าร่วมโครงการในฐานะประเทศผู้จัดเก็บ หรือ Host Country ซึ่งเขาได้จัดสถานที่ประชุมที่เมืองอิโลอิโล เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะทางตอนกลางของประเทศ ชื่อเกาะปาไนย์ ต้องบินจากกรุงมะนิลา ลงไปทางใต้ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง
เมืองอิโลอิโล เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้คนพลเมืองพลุกพล่าน เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆ ของเขา และเป็นที่ตั้งของสำนักงานเขตของ เอ็นเอฟเอ คุณจูดี้ ซึ่งเป็นรองผู้บริหารสูงสุดในขณะนั้น ก็บินมาจากสำนักงานใหญ่ในกรุงมะนิลา เพื่อมารับรองพวกเรา พร้อมเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายฟิลิปปินส์ ส่วนคณะเราไปกันสามคน รวมทั้งท่านผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นด้วย เนื่องจากเป็นประเทศผู้บริจาคข้าว ถึงตรงนี้ขอเล่าเสริมนิด เผื่อท่านผู้อ่านบางท่านอาจสงสัย เกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายของพวกเราในการปฏิบัติงาน ขอเรียนให้ทราบว่า สำหรับเจ้าหน้าที่แอปเตอร์ เราใช้งบ OC หรือ Operational Cost ซึ่ง 13 ประเทศบริจาคให้เป็นรายปี และฝากธนาคารไว้ แต่ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นนั้น ทางประเทศญี่ปุ่นซึ่งนอกจากจะบริจาค โอซี ตามข้อตกลงแอปเตอร์แล้ว เขายังจัดสรรงบพิเศษอีกก้อนหนึ่ง ที่เรียกว่า SPA หรือ
Special Project Account มาให้สำนักเลขานุการแอปเตอร์ฝากธนาคารไว้ทุกปีที่มีโครงการ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงาน รวมถึงเงินเดือน หรือค่าอื่นๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญมีสิทธิเบิกได้นั้น ให้ใช้จากงบ SPA นี้เท่านั้น สรุป คือ ใช้เงินคนละก้อนกันโดยมี จี เอ็ม เป็นผู้บริหารเงินทั้งหมด ทีนี้ หากมีประเทศอื่นมาร่วมดำเนินการบริจาคข้าวเพิ่มเติม โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญมาหรือไม่ ก็ต้องมีบัญชีเงิน SPA เพิ่มขึ้นอีก อย่างเช่นในปัจจุบันกรณีประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น
คณะเราบินไปถึงเมืองอิโลอิโลก็ช่วงเย็นแล้ว เพราะเครื่องบินภายในประเทศจากกรุงมะนิลาไปอิโลอิโล ออกช้ากว่ากำหนดมาก ตอนแรกจะออกบินประมาณบ่ายสอง แต่กว่าจะออกบินจริงประมาณบ่ายสี่โมงเย็น ทราบภายหลังสาเหตุที่เครื่องบินดีเลย์ไปถึงสองชั่วโมง ไม่ใช่เพราะเครื่องไม่พอหรือปัญหาการจราจรทางอากาศหรอก แต่เป็นเพราะที่สนามบินนานาชาตินินอย อาคิโน ของกรุงมะนิลานั้น แม้จะสร้างเทอร์มินอลเพิ่มถึง 4 เทอร์มินอล แต่รันเวย์ของสนามบินกลับมีเพียงรันเวย์เดียว ความแปลกที่ผมเพิ่งเคยพบ คือ อย่างที่ดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ เวลาเครื่องดีเลย์ เราจะต้องนั่งรอเบื่อกันที่ห้องผู้โดยสารขาออก แต่ที่ฟิลิปปินส์ไม่เป็นเช่นนั้น พวกเราถูกเรียกให้เข้าไปนั่งบนเครื่องกันแล้ว และเครื่องก็แท็กซี่ออกจากจุดจอดแล้ว แต่สักพักก็ต้องจอดรอคิวบินขึ้น เจ้าเครื่องบินที่พวกเราเตรียมบินไปอิโลอิโลนี้ จอดรอติดเครื่องนิ่งอยู่ พนักงานแอร์เดินแจกขนมปังอาหารว่าง กินกันจนหมด จนผมหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวสองชั่วโมง อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละ เครื่องบินจึงได้คิวทะยานวิ่งขึ้นฟ้า ความจริงสภาพการรอในเครื่องบินแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับสำหรับสนามบินนินอย อาคิโน หลายครั้งผมบินกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทย ก็เคยเจอแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นก็ราวครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงที่ต้องนั่งรอในเครื่อง แต่คราวนี้ถือเป็นประสบการณ์พิเศษ ฟาดเข้าไปถึงสองชั่วโมง ขณะที่เวลาบินจริงจากต้นถึงปลายทางใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เลยต้องขออนุญาตนำมาเล่าแบบไม่เกรงใจครับ
เมื่อถึงสนามบินอิโลอิโล เวลาเกือบใกล้พลบค่ำ เจ้าภาพ เอ็นเอฟเอ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่พวกเราคุ้นเคยดีมารับที่สนามบิน แล้วก็นั่งรถยนต์พาไปโรงแรมที่พัก ซึ่งเดินทางจากสนามบินประมาณครึ่งชั่วโมง บรรยากาศของเมืองคึกคักมาก รถโดยสารจี๊บนี่ สัญลักษณ์ของฟิลิปปินส์ วิ่งเกลื่อนกราด เห็นแล้วเหมือนๆ กันทุกเมืองอย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้ว ว่าในประเทศฟิลิปปินส์ การกระจายความเจริญดีมาก ไม่กระจุกตัวเฉพาะในเมืองหลวง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีพบเห็นทั่วไป เมื่อถึงโรงแรมที่เขาจองไว้ให้ ก็เพียงเอากระเป๋าขึ้นไปโยนโครมเก็บไว้ก่อนในห้อง เพราะเขาจะพาไปรับประทานอาหารเย็นค่ำที่ร้านอาหารชายทะเล โดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงานเขต เอ็นเอฟเอพร้อมกับคณะอีก 4-5 คน มาต้อนรับและร่วมรับประทานอาหารก่อนที่จะมีการประชุมในวันถัดไป
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี