ยื้อฟ้อง‘ปารีณา’
ป่าไม้-สปก.โยนวุ่น
‘วิษณุ’เรียกถก3ฝ่าย
รอฟังกฤษฎีกาเคาะ
คณะทำงานป่าไม้ ถกเครียด ส.ป.ก.แต่ไม่มีข้อสรุปใครเป็นเจ้าภาพฟ้องปารีณารุก 682 ไร่ ยื้อ ให้ ส.ป.ก.ส่งหนังสือถึง “ปารีณา”ส่งหนังสือคืนที่ดิน กลับมาใหม่ ไม่ให้ตั้งเงื่อนไขด้าน“วิษณุ”นั่งหัวโต๊ะเรียกถก3ฝ่ายหาข้อกฎหมาย ใช้ดำเนินคดี ใครเป็นเจ้าภาพ ด้าน อธิบดีกรมป่าไม้ รอฟังความเห็น”กฤษฎีกา”ก่อนให้เป็นที่สิ้นสุด แม้ตรงข้ามกับแนวทางเดิม ก็พร้อมปฎิบัติ ขณะ“ธรรมนัส”รวบรัดส.ป.ก.ทำตามเงื่อนไขยึดคืนแล้วจบ ตัดหาง กรมป่าไม้ไปว่ากันเองตามกฎหมาย
ความคืบหน้าการดำเนินคดีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ครอบครองที่ดิน 682 ไร่ ที่อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่ได้ข้อสรุปใครจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ พร้อมฝ่ายกฎหมายเดินทางมาหารือร่วมกับนายนภดล ตันติเมฆิน ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ส.ป.ก.ฝ่ายกฎหมาย เพื่อหาข้อสรุปการดำเนินคดีน.ส.ปารีณา
หลังประชุม นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบที่ดินน.ส.ปารีณา แถลงว่า การประชุมร่วมกับฝ่ายกฎหมายของส.ป.ก. เพื่อหาแนวทางว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ดำเนินคดีกับที่ดิน ส.ป.ก. 682 ไร่ของน.ส.ปารีณา ที่ประชุมมีมติให้ส.ป.ก. เร่งทำหนังสือตีกลับไปให้น.ส.ปารีณา ส่งคืนที่ดินโดยต้องไม่ระบุเงื่อนไขใด ภายใน 7 วัน หลังจากนั้นกรมป่าไม้จึงจะมาหารืออำนาจจัดการตามกฎหมายอีกครั้ง โดยยังไม่มีข้อสรุปวันนี้ เนื่องจากต้องรอดูรายละเอียดในหนังสือที่น.ส.ปารีณาส่งกลับมาว่ามีข้อมูลรายละเอียดอย่างไร ส่วนข้อกฎหมายและระเบียบยังไม่ได้ข้อยุติ ยืนยันว่ากรมป่าไม้จะดำเนินการตามมาตรฐานด้วยความรอบคอบ แต่ต้องรอความชัดเจนจากทาง ส.ป.ก. ด้วยเช่นกัน
สำหรับการเทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาจังหวัดนครพนมที่พิพากษาจำคุกชาวบ้าน 6 เดือน จากกรณ๊เข้าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งคำพิพากษาระบุ แม้ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปแต่เป็นเพียงกำหนดขอบเขตที่ดินไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้ต้องมีอำนาจดำเนินคดีอยู่ นายธวัชชัย กล่าวว่า ต้องขอไปดูรายละเอียด แต่ละกรณี ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกับกรณีน.ส.ปารีณาได้ แต่ยืนยันว่า ทั้งหมดดำเนินการมาตรฐานเดียวกัน ขอให้มั่นใจการทำงานของกรมป่าไม้ ก่อนหน้านี้ที่ดินที่อยู่ในอำนาจกรมป่าไม้ กรมฯแจ้งความไปแล้วกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แต่ที่ยังไม่ส่งฟ้อง เพราะนายวีระ สมความคิด ได้แจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.จอมบึงไว้ก่อน ตำรวจ ปทส. ต้องทำความเห็นถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พิจารณาอำนาจว่าใครจะทำคดีดังกล่าว
ด้านนายจุมพฎ ชอบธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายกรมป่าไม้ กล่าวเพิ่มเติมด้านข้อกฎหมายว่า ลักษณะที่ฟาร์มไก่ของน.ส.ปารีณา 682 ไร่ ในเขต ส.ป.ก. คล้ายคดีบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ในอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ปี 2558 ที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นที่ชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตความรับผิดชอบของใครผู้นั้นต้องเป็นคนแจ้งความร้องทุกข์ ไม่สามารถดำเนินการก้าวล่วงอำนาจของแต่ละหน่วยงานได้ พร้อมเปรียบเทียบกับที่ดินท้องสนามหลวง หากมีการเข้าไปบุกรุกตักดิน ต้องเป็นอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ของกรุงเทพมหานครแม้ว่าก่อนหน้านี้สภาพท้องสนามหลวงจะเป็นป่าก็ตาม
ส่วนกรณีน.ส.ปารีณา กับกรณีชาวบ้านหมู่บ้านซับหวาย บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง นายจุมพฎ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ และมีที่ดินป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนกับที่ดินอุทยานฯ ซึ่งตามกฎหมายแล้วที่ดินอุทยานไม่สามารถเข้าไปบุกรุกได้เลย แต่ที่ดินของน.ส.ปารีณา เป็นที่ส.ป.ก.ทำให้การดำเนินการทางกฎหมายแตกต่างกัน
สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินรัฐของน.ส. ปารีณา ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงหนังสือส่งมอบคืนพื้นที่แก่ส.ป.ก. ที่น.ส. ปารีณาส่งถึงร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ ดังนี้ “ข้าพเจ้าและ/หรือบุคคลในครอบครอง ขอสงวนการใช้สิทธิเป็นอันดับแรกตามที่กฎหมายกำหนด”นั้น นายจุมพฏกล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์สั่งการให้เลขาฯส.ป.ก. ทำหนังสือแจ้งน.ส. ปารีณาไปอีกครั้ง ให้ทำหนังสือกลับมาใหม่ เพราะการส่งมอบที่ดินเพื่อเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น มีเงื่อนไขไม่ได้ เพราะอาจทำให้การนำที่ดินมาเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน มีปัญหาตามมาภายหลัง นอกจากนี้ ที่น.ส. ปารีณาระบุในหนังสือว่า “แนบสำเนาการเสียภาษีบำรุงท้องที่ประเภท ภ.บ.ท. 5 มาด้วย” อาจเป็นความเข้าใจของน.ส. ปารีณาว่า แสดงสิทธิการครอบครอง ซึ่งตามกฎหมายส.ป.ก. เอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ไม่ได้แสดงสิทธิการครอบครอง
ด้านร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งการให้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย เพื่อรายงานการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายปฏิรูปที่ดิน เกี่ยวข้องกับกรณีน.ส.ปารีณา ถือครองที่ดินส.ป.ก.ทำฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม ได้ยินยอมคืนพื้นที่ส.ป.ก. 682ไร่ ให้ส.ป.ก.ไปกระจายสิทธิ ให้ผู้ยากไร้ ตามคุณสมบัติของกฎหมายส.ป.ก. ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่ส.ป.ก.ได้ทำตามหลักเกณฑ์จบหมดแล้ว ไม่เข้าเงื่อนไขการดำเนินคดี แต่ในส่วนกรมป่าไม้ จะดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่กำกับดูแลพื้นที่ป่า เป็นเรื่องไปว่ากันตามกฎหมายกรมป่าไม้ ที่บังคับใช้อย่างไร
มีความเห็นจากฝั่งรัฐบาล ในประเด็นการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการถือครองที่ดินตามเอกสาร ภบท.5 และส.ป.ก. ของนักการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับน.ส.ปารีณาว่า ทุกอย่างทั้งการถือครอง ภบท.5 และส.ป.ก.ต้องเป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง โดยพื้นฐานของกฏหมาย ซึ่งมีกฎหมายอยู่หลายตัว
“มาตรา 44 ไม่ได้เสียหาย ผมเคยบอกว่าอย่าใช้คำว่าทวงคืน จากการบุกรุกป่าเกิดขึ้นเป็นแสนไร่ แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณหมื่นไร่ หรือน้อยกว่านั้น เพราะมาตรการเหล่านี้ยังอยู่ แต่ปัญหาต่อไปคือ ต้องดูว่า เมื่อเรายึดมาแล้วจะเอาไปทำอะไร ซึ่งกำลังเป็นประเด็นอยู่ในสังคม ผมกำลังให้ไปดูอยู่ว่ามีอีกกี่ราย เอารายอื่นมาดูด้วยเพื่อเปรียบเทียบ หาแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แต่ทั้งหมดต้องอาศัยกฎหมาย”นายกฯกล่าว และว่า วันนี้เราเอาพื้นที่ป่าคืนมาได้แล้ว ทำให้เรามีป่าเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนกว่าไร่ เราเอาพื้นที่ป่ามาแล้ว 7 แสนกว่าไร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นของนายทุนทั้งหมด ที่ผิดกฎหมาย ก็ว่ากันไปตามกฎหมายก็แล้วกัน
เวลา 14.00น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเชิญนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาฯส.ป.ก.และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าหารือกรณีการถือครองที่ดินใน จ.ราชบุรีของน.ส.ปารีณา
จากนั้นนายอรรถพล เปิดเผยว่าช่วงเช้าคณะทำงานของกรมป่าไม้หารือกับคณะทำงานของ ส.ป.ก. เรื่องสถานภาพพื้นที่ นายวิษณุจึงเชิญมาหารือข้อกฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้นายวิษณุให้สัมภาษณ์ข้อมูล ประเด็นการคืนพื้นที่ พร้อมต้องพิจารณษว่าที่ดังกล่าวสถานภาพเดิมเป็นไปตามกฎหมายใด ต้องว่าตามกฎหมายนั้น แต่มีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ทำให้มองว่านายวิษณุระบุให้คืนอย่างเดียว ไม่ต้องดำเนินการอย่างอื่น ดังนั้น จึงต้องมาหารือทั้งสามฝ่ายด้านกฎหมายว่าสถานภาพพื้นที่ปัจจุบันจะยึดหลักพิจารณาอย่างไร เข้าข้อกฎหมายของ ส.ป.ก.หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับที่ดินของกรมป่าไม้
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่าขณะนี้มี 3ประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติคือ 1.คำจำกัดความหรือขอบเขตการพิจารณาว่า พื้นที่ดังกล่าวเข้าไปดำเนินกิจกรรมจัดที่ดินตามกฎหมายใด 2.สมมุติทำความผิด หรือสถานภาพกลับมาในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เดิมคือ ที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ควรต้องดำเนินคดีอย่างไร และ3.เมื่อดำเนินคดี หน่วยงานไหนต้องเป็นหน่วยงานหลัก ขณะนี้ได้ข้อยุติพอสมควร ขอให้ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาออกมาก่อนแล้วจะได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ ส.ป.ก.ระบุพื้นที่ 682ไร่ เป็นของส.ป.ก. ทำไมจึงยังไม่แน่ชัดว่า อยู่ในความรับผิดชอบของใคร นายอรรถพลกล่าวว่า ต้องตีความก่อนว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในสถานภาพอะไร ตอนนี้เราอยากได้ข้อยุติจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นเข้าไปดำเนินกิจกรรมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดิน จึงต้องให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนตามความหมายของกฎหมายที่ตีความไว้ว่าสถานภาพเป็นอะไร และก่อนจะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และความรัดกุมในการดำเนินคดี ถ้าดำเนินคดี ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
ถามว่า สุดท้ายจะเอาผิดกับ น.ส.ปารีณาได้หรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า รอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เมื่อเขาให้ความเห็นมาเราพร้อมปฏิบัติตาม แม้ออกมาตรงข้ามกับแนวทางที่กรมป่าไม้เคยดำเนินการก่อนหน้านี้เราต้องเคารพความเห็นกฤษฎีกา อย่างไรก็ตาม พื้นที่ 46 ไร่ที่กรมป่าไม้เคยแจ้งความดำเนินคดีอาญาไปแล้ว อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่เกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว เพราะถือเป็นความผิดฐานเดิม ที่หารือครั้งนี้เฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในเขต ส.ป.ก.
ถามต่อว่า มีการตั้งข้อสังเกตกรณีน.ส.ปารีณาต่างจากกรณีชาวบ้านทั่วไปที่ทำแล้วมีความผิดอย่างไร นายอรรถพล กล่าวว่า ถือเป็นคนละรูปแบบ เพราะชาวบ้านที่ไปบุกรุกต้องถามว่า บุกรุกแบบไหน ส่วนใหญ่ที่เราเข้าไปดำเนินการคือ บุกรุกใหม่ และชาวบ้านที่ไปบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. เราก็ไม่เคยดำเนินการ อีกทั้ง กรมป่าไม้เองรับผิดชอบเฉพาะพื้นที่ป่าสงวนตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวกับพื้นที่ส.ป.ก.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี