ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ

ร.10-ราชินีเสด็จฯ

พยุหยาตราทางชลมารค

พสกนิกรเฝ้าฯเนืองแน่น

ทรงพระเจริญดังกึกก้อง

จารึกเป็นประวัติศาสตร์

พสกนิกรพร้อมใจสวมเสื้อเหลืองเฝ้าฯชื่นชมพระบารมี “ในหลวง-พระราชินี” พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ในการพระราชพิธีเสด็จฯเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ปลื้มปีติได้เข้าเฝ้าฯใกล้ชิด พร้อมได้ชื่นชมความงดงามของขบวนเรือ และมีส่วนร่วมในพระราชพิธีสำคัญครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 12 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ สายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังเรือนแพที่ประทับรับรองบริเวณท่าวาสุกรี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

ร.10-ราชินีเสด็จฯท่าวาสุกรี

การนี้รถยนต์พระประเทียบอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 นำรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังท่าวาสุกรี เจ้าพนักงานราชูปโภคอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ไปประดิษฐานในบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ที่สะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี เมื่อเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเคลื่อนออกไป เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์เข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ไว้พร้อมแล้ว

ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมาลาเส้าสูง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังท่าวาสุกรี โดยมีองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯรับเสด็จ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะผู้บัญชาการขบวนเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลพระกรุณารายงานจำนวนเรือและกำลังพล จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์โดยทอดบัลลังก์กัญญาเป็นเรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี

เหล่าทัพยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ

ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ซึ่งทอดบัลลังก์กัญญา ตามเสด็จในขบวนพยุหยาตรา

เวลา 16.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกจากท่าวาสุกรีไปตามชลวิถีท้องน้ำเจ้าพระยา ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึกสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่และกลองชนะประจำเรือพระราชพิธีประโคมขึ้นพร้อมกันขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเคลื่อนไปตามลำดับ โดยจัดรูปขบวนเรือตามโบราณราชประเพณี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล เส้นทางเสด็จฯเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคจากท่าวาสุกรี-ท่าราชวรดิฐ ระยะทาง 4 กิโลเมตรจัดรูปขบวนเรือแบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย รวมทั้งสิ้น 52 ลำ ตลอดระยะทางยาตรา นาวาเอกณัฐวัฎ อร่ามเกลื้อ พนักงานเห่เรือขับขานบทเห่เรือทั้งหมด 3 องก์ กึกก้องไปทั่วท้องน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วยบทสรรเสริญพระบารมี(บทใหม่) บทชมเรือขบวนและบทชมวัง ประพันธ์โดยนาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย

ทรงพระเจริญก้องเจ้าพระยา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะ 6 จุดหลัก ซึ่งจัดอัฒจันทร์ให้ประชาชนเฝ้าชื่นชมพระบารมี ทุกจุดมีประชาชนเต็มพื้นที่ อาทิ เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี สวนสันติชัยปราการ จุดชมขบวนเรือพระราชพิธีที่ชัดเจน , สะพานพระปิ่นเกล้า ,สวนนคราภิรมย์ โดยประชาชนสวมเสื้อเหลืองโบกธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ธงพระปรมาภิไธยย่อ วปร. และธงชาติ และมีเหล่าจิตอาสากระจายดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เมื่อขบวนเรือยาตราผ่าน พสกนิกรเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกคนต่างปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี และประทับใจกับความงดงามตระการของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 10 อีกทั้ง เป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

เสด็จฯถึงท่าราชวรดิฐช่วงเย็น

ต่อมาเวลา 17.00น.เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ เจ้าพนักงานราชูปโภคอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 จากบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ไปประดิษฐานบนพระราชยานถม เตรียมเข้าริ้วขบวนราบยาตราไปยังพระบรมมหาราชวัง จากนั้นเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเคลื่อนออกไป ขณะเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จะเข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯพร้อมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ขึ้นสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผบ.ทร.เฝ้าฯกราบบังคมทูลพระกรุณารายงาน เสด็จฯ ไปยังพลับพลาที่ประทับรับรอง

กรมสมเด็จพระเทพฯประทับสวนสันติฯ

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ยังพระที่นั่งสันติชัยปราการ เฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โอกาสนี้ ท่านผู้หญิงพลอยไพลิน-ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยเสด็จด้วย มีคณะรัฐมนตรี และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เฝ้าฯ รับเสด็จ ที่สวนสันติชัยปราการ

ทร.บวงสรวงแม่ย่านางเรือพระราชพิธี

ก่อนหน้านี้ เวลา 06.55 น. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานพิธีบวงสรวงแม่ย่านางเรือพระราชพิธี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ที่อู่หมายเลข 1 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ โดยมีเหล่ากำลังพล ฝีพายจำนวน 2,200 นาย และนายท้ายเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ แต่งกายตามโบราณราชประเพณีและเข้าประจำการบนเรือพระราชพิธีร่วมบวงสรวงแม่ย่านางเรือ เพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลในการร่วมริ้วขบวนเรือพระราชพิธีครั้งนี้

ตั้งขบวนเรือเคลื่อนจากท่าวาสุกรี

จากนั้นเวลา 15.00 น. เรือพระราชพิธี ทั้ง 52 ลำ เริ่มตั้งขบวนเรือ โดยหัวขบวนของเรือพระราชพิธีอยู่บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทยและท้ายขบวนอยู่บริเวณโรงแรมริเวอร์ไซด์ก่อนถึงสะพานกรุงธน เวลา 15.35 น. ขบวนเรือเคลื่อนออกจากจุดตั้งขบวนบริเวณท่าวาสุกรี มุ่งหน้าไปทาง พระบรมมหาราชวัง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเคลื่อนขบวนจากจุดเริ่มต้นถึงที่หมายประมาณ 40 นาที การจัดรูปขบวนเรือ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ดังนี้ ริ้วสายกลาง ซึ่งเป็นเรือสายสำคัญ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์
เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้มีเรืออีเหลือง เรือกลองนอก เรือแตงโม ซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือ เรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอกและเรือตำรวจใน ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง มีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า
เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8ลำและปิดท้ายสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้งและเรือแซง สายละ 14ลำ รวมทั้งสิ้น 52ลำ

บัวแก้วเชิญคณะทูตร่วมเฝ้าฯ

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2662 กระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เชิญคณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทย พร้อมคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 สวนหลวงพระราม 8 โดยจะมีคณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทย พร้อมคู่สมรส ทั้งที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยและในต่างประเทศ เข้าร่วม 160 คน จาก 105 ประเทศ

เสื้อเหลืองสะพรั่ง2ฝั่งเจ้าพระยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจากทั่วสารทิศพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาจับจองพื้นที่ร่วมรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมชมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดสถานที่รับเสด็จฯ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าวาสุกรี ท่าราชวรดิฐ สวนสันติชัยปราการ สวนหลวงพระราม 8 ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย และตลอดแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งประชาชนต่างทยอยมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เช้าตรู่ ท่ามกลางแสงแดดจัด แต่ไม่มีใครย่อท้อ เพราะทุกคนต่างต้องการชมพระราชพิธีประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่

เปิด19จุดคัดกรองให้เข้าพื้นที่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เปิดจุดคัดกรองตั้งแต่เวลา 09.00 น. ให้ประชาชนผู้มารอเฝ้ารับเสด็จฯนำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง เพื่อเข้าพื้นที่พร้อมกัน 19 จุดคือ 1.มทร.พระนคร 2.ใต้สะพานพระราม 8 (ฝั่งพระนคร) 3. พิพิธบางลำพู 4. ทางเข้า ม.ธรรมศาสตร์ 5. พระแม่ธรณีบีบมวยผม 6. สนามหลวง (ด้าน ม.ธรรมศาสตร์) 7.สนามหลวง (ด้านศาลฎีกา) 8.ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า (ฝั่งพระนคร) 9.ท่าพระจันทร์ 10. แยกท่าเตียน 11. หน้าวังสราญรมย์ 12.ใต้สะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) 13. เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า (ฝั่งธนบุรี) 14. ทางเข้าท่ารถไฟ 15. หน้าอุทยานสถานพิมุข 16. ท่าเรือวังหลัง 17. ทางเข้าวัดระฆังโฆสิตาราม 18. ปากซอยวัดอรุณราชวราราม และ 19.วัดกัลยาณมิตร ซึ่งหลังเปิดจุดคัดกรองแต่ละจุดไม่กี่ชั่วโมง ประชาชนต่างหลั่งไหลเข้าจองที่นั่งชมความงดงามของขบวนเรือ เต็มพื้นที่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

6วัดริมฝั่งเสวดชัยมงคลคาถา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจุดคัดกรองวัดระฆังโฆสิตาราม แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อยว่า เจ้าหน้าที่เปิดจุดคัดกรองเวลา 12.00 น. ประชาชนทยอยผ่านจุดคัดกรองเข้าจองที่นั่ง โดยมีจิตอาสาเป็นนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆัง คอยดูแลพร้อมให้ข้อมูล ซึ่งจุดนี้รองรับประชาชนได้ 900 คน โดยที่วัดระฆังโฆสิตาราม นอกจากเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมาร่วมรับเสด็จฯแล้ว ยังเป็น 1 ใน 6 วัด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ในเส้นทางเสด็จฯ ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กำหนดให้จัดพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ประกอบด้วย วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดราชาธิวาสวิหาร วัดเทวราชกุญชร วัดสามพระยา วัดบวรมงคล และวัดคฤหบดี ในช่วงขบวนเรือพระราชพิธีเคลื่อนผ่าน เพื่อร่วมสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคลและแสดงความจงรักภักดี

สวนนาคราภิรมย์เห็นขบวนเรือชัด

ขณะที่จุดชมขบวนเรือตรงข้ามสโมสรกองทัพเรือ หรือสวนนาคราภิรมย์ มีประชาชนทั้งจากกทม.และต่างจังหวัดทยอยกันเข้าจับจองพื้นที่อัฒจันทร์ตั้งแต่เช้า เพราะถือเป็นจุดรับชมขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคได้อย่างชัดเจนใกล้ชิดริมแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด สอบถามประชาชนส่วนใหญ่กล่าวตรงกันว่า ตั้งใจมาชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมแสดงความจงรักภักดี อีกทั้ง ได้ชมขบวนเรือพระราชพิธี สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย

นทท.ต่างชาติสนใจร่วมชมพิธีสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในจำนวนนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาร่วมชมขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคจำนวนมาก อย่าง Catherine Kreffer นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่เดินทางมาจากหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า มาเที่ยวประเทศไทย โดยพักที่หัวหิน พอทราบข่าวพระราชพิธี นั่งรถไฟมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมจับจองที่นั่งในการชมขบวนเรือ และจะกลับหัวหินช่วงเย็น ส่วน Lamorn Malone เดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคามเผยว่า ชื่นชมขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่งดงาม โดยเฉพาะพิธีเสด็จฯเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งทั้งสองอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีสำคัญนี้ รวมทั้งแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมต่อพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ของไทย นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่ารู้สึกตื้นตันใจกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ด้วย

กทม.-ร่วมกตัญญูตั้งโรงครัวเลี้ยงอาหาร

บริเวณวัดอมรคีรี ฝั่งธนบุรี กทม.ร่วมกับมูลนิธิร่วมกตัญญู ตั้งโรงครัวบริการประชาชน เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. จัดเตรียมอาหารกว่า 20,000 ชุด มีจิตอาสาจากสภาวัฒนธรรมเขตบางพลัด จิตอาสาจากร่วมกตัญญูและประชาชนในพื้นที่เขตบางพลัด ร่วมปรุงอาหาร โดยจัดบริการอาหารน้ำดื่มให้ประชาชน 3 มื้อ จนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธี เมนูอาหาร คือ กระเพราไก่ กระเพราหมู ผัดซีอิ้ว แกงหน่อไม้ไก่ พะแนงหมู ผัดซีอิ้ว โดยน.ส.วรรณดี สนชัย รองผอ.สำนักพัฒนาสังคม กทม. เปิดเผยว่า กทม.รับผิดชอบ 2 จุดคือ จุดวัดอมรคีรี และศาลาว่าการกทม. นอกจากนี้ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ยังจัดจุดบริการอาหารอีก 30 จุด รวมถึงจัดน้ำดื่มไว้บริการประชาชนบริเวณจุดบริการอาหารและพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งหมด 53 จุด เพื่อรองรับประชาชนที่มาร่วมชมพระราชพิธีฯ