ผู้ตรวจการแผ่นดิน เร่งรัดแบน 3 สาร ครบกำหนด 1 ม.ค.63 ยอมรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอขยายเวลาได้ แต่ต้องมีเหตุผล อย่าอ้างเวลาเพราะเตือนมาแล้วหลายครั้ง ชี้ควรแบนในส่วนของสารที่สามารถทำได้ทันที
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่เลื่อนแบน 3 สารพิษออกไปเป็นเดือนมิถุนายน 2563 ขณะที่ผู้ตรวจฯ มีมติให้แบน 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ในวันที่ 1 ม.ค.2563 ว่า เรื่องนี้มีเวลา 13 เดือนในการเตรียมการ ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ผู้ตรวจฯ ให้คำแนะนำไปก็จะไม่เกิดผลเสียหายเช่นนี้ ซึ่งการประชุมผู้ตรวจฯเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา มีความเห็นว่า การนำเข้าสารพิษทั้ง 3 ตัวนี้ ปริมาณการนำเข้าตั้งแต่มิถุนายน 2562 ที่กรมวิชาการเกษตรบอกว่า ได้ยุติการออกใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งผู้ตรวจฯได้ตรวจพบว่ามีการแจ้งองค์การการค้าโลกทราบตั้งแต่เดือนตุลาคม
พล.อ.วิทวัส กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ระบุว่า เมื่อห้ามนำเข้าไกลโฟเซตแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการปลูกถั่วเหลืองและต้องมีการนำเข้าจากประเทศบราซิล อเมริกา ซึ่งถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเป็นพืชจีเอ็มโอ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารสำหรับคนและสัตว์แล้ว ผู้ตรวจฯ กังวลเพราะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารที่มีสารพิษตกค้าง ถ้าจะห้ามเรื่องไกลโฟเซตจะต้องไปกำหนดว่าหน่วยวัดที่เรายอมให้มีสารตกค้างของไกลโฟเซตมีแค่ไหนถึงก่ออันตราย รวมถึงจะต้องมีการปิดฉลากในผลิตภัณฑ์อาหาร ว่ามีการใช้ถั่วเหลืองที่มีการใช้สารไกลโฟเซตตกค้างกี่หน่วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้และผู้บริโภคก็ต้องรับความเสี่ยงต่อไป
“ซึ่งเป็นสิทธิของผู้บริโภคจะรู้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วเป็นอันตราย และต้องรับผิดชอบสุขภาพของตัวเอง ทางผู้ตรวจฯก็จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูเรื่องการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ การดำเนินงานของกรมวิชา
การเกษตรที่มีการวิจัยการหาสารชีวพันธุ์ในแต่ละปีดำเนินการไปถึงไหน ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร ผู้ตรวจฯจะขอความร่วมจากองค์อิสระอื่น เช่น สตง. ที่จะช่วยผู้ตรวจฯตรวจการใช้งบประมาณผลการทำงานในการใช้งบประมาณคุ้มค่าหรือไม่ และที่สำคัญได้ขอรายงานที่ประชุมของคณะกรรมการฯ 2 ครั้งที่ผ่านมาคือ 22 ตุลาคม และ 27 พฤศจิกายน เพื่อมาพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการด้วยความรอบคอบอย่างไร ซึ่งจะครบกำหนด 30 วันในเดือนมกราคม 2563"พล.อ.วิทวัส กล่าว
เมื่อถามว่า หน่วยงานสามารถขอขยายเวลาส่งรายงานได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิขยายได้ แต่ต้องมีเหตุพอสมควร ส่วนการแบน 3 สารพิษมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยดูเป็นการกดดันรัฐบาล
เมื่อถามว่า ถ้าเป็นเช่นนี้มองว่าโอกาสที่จะแบนสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ในเมื่อพาราควอตและคลอร์ไพรีฟอส มีแนวโน้มที่จะแบนได้ แต่ต้องดูว่ากระบวนการที่นำไปสู่การแบนเป็นอย่างไร ซึ่งมติคณะกรรมการฯ มีการขยายการแบนถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้มีเสียงคัดค้านคณะกรรมการฯ ก็คงเกรงว่าภายใน 1 เดือนปริมาณสารพิษที่มีอยู่ในมือผู้นำเข้าหรือเกษตรกรจะทำลายอย่างไร ซึ่งเห็นว่า ตั้งแต่ที่ออกมติมากรมวิชาการเกษตรต้องไปควบคุมให้ดีเมื่อถึงมิถุนายน 2563 แล้วต้องมีคำตอบ ไม่ใช่มาขอต่อรอง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีในการทำงานของข้าราชการที่จะมาต่อรองอยู่เรื่อย
ส่วนการควบคุมไกลโฟเซต เป็นเหมือนทาง 2 แพร่ง ถ้าแบนก็ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยัน ถ้าไม่แบนต้องมีมาตรการอย่างน้อยที่สุดต้องปิดฉลากว่าผลิตภัณฑ์อาหารมีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่กี่หน่วย ถ้าถึงกำหนดแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขอขยายระยะเวลาอีก ผู้ตรวจฯ ก็มีอำนาจที่จะส่งต่อไปยังองค์กรอิสระอื่นที่ลงโทษทางวินัยอาญาและแพ่ง
“ผู้ตรวจฯไม่ประสงค์จะไปใช้อำนาจเช่นนั้น ต้องการให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอยู่ในขอบเขต รวมถึงไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรอิสระ พร้อมทั้งหวังว่า คำวินิจฉัยที่ออกไปแล้ว ถือว่าผู้ตรวจฯได้ช่วยทำงาน อย่างประเด็นที่บอกว่าห้ามใช้ในพื้นที่สูง หมายถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซนเอ ผู้ตรวจฯเห็นว่าไม่มีการเพาะปลูกในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน เป็นการเขียนไว้อย่างสวยหรู ซึ่งความเป็นจริงพื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างและใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งสารมันกระจายไปทั่ว”พล.อ.วิทวัส กล่าว
ประธานผู้ตรวจ ยังกล่าวด้วยว่า การที่จะเอากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต.มาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจการใช้สารพิษแต่ละพื้นที่ ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ด้วยความเป็นพี่เป็นน้องมีความสัมพันธ์ในชุมชน จึงไม่มีทางไปตรวจสอบ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของท่านจะเอาคนเหล่านี้ไปช่วยตรวจฯคงทำไม่ได้เข้าใจว่าที่มีการขยายระยะเวลาแบนไปถึงเดือนมิถุนายนนั้น อาจเป็นเพราะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายใน 1 เดือน แต่ต้องทราบด้วยว่าผู้ตรวจฯได้ให้เวลาถึง 13 เดือนแล้วและได้มีการบอกขั้นตอนการดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตามหลังได้รับรายงานผู้ตรวจฯ ก็จะเชิญหน่วยงานมาหารือ ถึงเหตุผลที่ขอขยายเวลา รวมถึงตัวเลขปริมาณสารเคมีที่มีอยู่ ปริมาณการใช้แต่ละพื้นที่เพาะปลูก หากทำให้ละเอียดรอบคอบฝ่ายต่างๆก็คงจะเห็นด้วย
เมื่อถามว่า ส่วนที่ยังดำเนินการแบนไม่ได้ เป็นเพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เรื่องผลประโยชน์ทุกคนคงระวัง คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรู้ว่าตัวเองทำอะไรในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น เพราะข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้ตรวจฯก็สามารถหาได้ และทุกภาคส่วนก็หาได้ เพราะอยู่ในโลกข้อมูล แต่ต้องระวัง ว่าสิ่งที่ท่านไม่ให้แล้วคนอื่นไปได้มาจากแหล่งอื่น จึงอยากให้มาร่วมมือช่วยกันดีกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี