"ทองเปลว"เผยเตรียมบริหารการเปิดปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ควมคุมค่าความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา รับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอีกระลอก8-9มกราคมนี้
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2563 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานโครงการชลประทานที่ 11 เตรียมแผนบริหารจัดการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นเครื่องมือเสริมในการควบคุมค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และภาคการเกษตร เสริมจากการระบายน้ำจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท และผันน้ำแม่น้ำแม่กลอง มาผลักดันความเค็มในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้งวันที่ 8 - 9 มกราคมนี้ โดยในช่วงน้ำทะเลลงจะเปิดประตูระบายน้ำเพื่อผลักดันน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาออก ส่วนช่วงน้ำทะเลขึ้นจะปิดประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลเข้ามาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ปัจจุบันระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยามาในอัตรา 85 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยยังคงรักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมไว้ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ มาสำรองไว้ที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาไว้แล้ว ซึ่งจะระบายมาเจือจางค่าความเค็มด้านท้ายลุ่มน้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ ยังผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลอง ทางคลองจรเข้สามพัน และคลองท่าสาร - บางปลา มายังแม่น้ำท่าจีนในอัตรา 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วระบายผ่านคลองพระยาบันลือ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมั่นใจว่าจะควบคุมค่าความเค็มไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ และการทำการเกษตรพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาด้านท้ายได้
นายทองเปลว กล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าความเค็มอาจสูงกว่าเกณฑ์เฝ้าระวังในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นได้ ซึ่งประสานกับการประปานครหลวงแล้วเพื่อให้งดสูบน้ำที่ที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี ในช่วงน้ำทะเลขึ้น เมื่อน้ำทะเลลงและตรวจวัดค่าความเค็มไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตร จึงสูบส่งมาต่อมายังโรงกรองน้ำบางเขนเพื่อผลิตน้ำประปาตามปกติ
สำหรับการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ระบายวันละ 18 ล้าน ลบ.ม.ปรับลดจากช่วงก่อนปีใหม่ที่ระบายวันละ 28 ล้าน ลบ.ม.เพื่อมาสำรองไว้สำหรับควบคุมค่าความเค็ม จากนี้ไปจะคงการระบายที่ 18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จนสิ้นสุดฤดูแล้ง และต่อเนื่องถึงต้นฤดูฝน ส่วนการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลอง มาช่วย มีแผนจะระบายตลอดฤดูแล้ง 500 ล้าน ลบ.ม.และระบายอีก 350 ลบ.ม.เพื่อให้มีมีน้ำอุปโภค - บริโภค และรักษาระบบนิเวศจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 63 ซึ่งหลังจากนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฝนจะตกต่อเนื่องแล้ว
สำหรับที่เป็นห่วงว่าชาวนา 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ปลูกข้าวนาปรังถึง 1.58 ล้านไร่แล้ว อาจส่งผลให้มีการดึงน้ำที่สงวนไว้สำหรับอุปโภค - บริโภค ไปใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แจ้งล่วงหน้าแล้วว่า ไม่มีแผนเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากกรมชลประทานไม่มีน้ำเพียงพอสนับสนุน แต่เกษตรกรส่วนหนึ่งทำนาปรังเนื่องจากมีแหล่งน้ำของตัวเอง เช่น บ่อบาดาล สระน้ำชุมชุน อีกส่วนหนึ่งปลูกโดยรับทราบความเสี่ยงว่าอาจประสบภาวะขาดแคลนน้ำ ซึ่งได้แจ้งผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดในการแจ้งเตือนโดยตลอด แต่ขณะนี้อัตราการปลูกเพิ่มลดลงแล้ว
"ขณะนี้นำเครื่องจักร เครื่องมือ รถสูบน้ำ ไปประจำจุดที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมบริการทุกพื้นที่ โดยประชาชนที่เดือดร้อนสามารถแจ้งรับบริการหรือแจ้งปัญหาเรื่องน้ำได้ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขวิกฤตภัยแล้ง ของกรมชลประทาน ที่สายด่วน 1640 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง" นายทองเปลว กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี