รับฟังมาเป็นเวลาเกือบสิบปีได้แล้วมั้ง ในเรื่องของ “การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ซึ่งบอกตรงๆว่า ผมเองไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้อย่างหัวเด็ดตีนขาด แต่ไม่แสดงความคิดเห็น เพราะต้องการจะดูผลลัพธ์ว่าจะออกมาดีจริง อย่างที่นักการศึกษาเล็งกันเอาไว้หรือไม่(แบบว่าไม่อยากติเรือทั้งโกลน ว่างั้นเถอะ) ด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้
1.เป็นบทพิสูจน์มาแล้วว่า เด็กไทยส่วนใหญ่ ที่อยู่ในแวดวงการศึกษา เมื่อเทียบความรู้กับหลายๆประเทศแล้ว เรายังด้อยในเรื่องความรู้กว่าเขามาก ทั้งนี้ เนื่องจากการศึกษาของไทยเรา โรงเรียนส่วนใหญ่(โดยเฉพาะ โรงเรียนที่อยู่ตามชนบท หรือโรงเรียนที่ผู้บริหารขาดการเอาใจใส่)จะใช้ชั่วโมงเรียนกับเด็กไม่เต็มที่(ตามตารางสอน)จนมีการร้องเรียนและการต่อว่ากันอยู่เสมอว่า ครูอู้งานให้แบบฝึกหัดเด็กแล้วก็ไปนั่งเม้าท์กัน หรือไม่ก็ครูเอาเวลาในการสอนไปหาลำไพ่พิเศษเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง จะมีเด็กที่เก่งก็เพียงแต่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง(ที่ใครๆ ก็แย่งกันเข้าเรียน) หรือโรงเรียนที่ผู้บริหารเอาใจใส่เป็นพิเศษ (จะเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง หรือเพื่อนักเรียนก็แล้วแต่เถอะ) ดังนั้น เมื่อวัดผลการเรียนรู้จากทั้งประเทศ จึงออกมาว่า เด็กเก่งน้อย มีมากกว่าเด็กเก่งจริง แล้ว กระทรวงศึกษาฯกลับมีนโยบายลดเวลาเรียนให้กับโรงเรียนอีก คราวนี้ก็ยิ่งเข้าทางกับโรงเรียนที่ชอบอยู่แล้วให้อู้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
2. เป็นบทพิสูจน์มาแล้วเหมือนกันว่า หลักสูตรการศึกษาของไทย วางไว้ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและประชากร ผลที่ปรากฏออกมา คือ การเรียนรู้ในสถาบันการศึกษา เมื่อจบออกมาแล้ว ไปรองรับกับความต้องการที่เป็นจริงของสังคมไม่ได้ ตรงนี้เอง นักการศึกษาจึงเกิดความคิดที่จะเสริมจุดอ่อนให้กับเยาวชนในรั้วสถาบันการศึกษา ด้วยการให้เด็กได้เรียนวิชาการที่ สามารถรองรับกับความต้องการของสังคมในวิถีชีวิตจริงได้ ด้วยการ ลดเวลาเรียนลง แล้วเอาเวลาที่ลดไปนั้น ไปเรียนสิ่งที่จะนำไปใช้ให้เกิดกับวิถีชีวิตประจำวันได้
ยังมีอีกหลายประเด็นที่ผมเห็นว่าเด็กไทย ต้องมีเวลาเรียนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ยังไม่ขอพูดถึง เพราะวันนี้ อยากจะพูดเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ซึ่งเห็นว่าโอกาสในการเพิ่มความรู้นอกหลักสูตรให้กับเยาวชนของชาติเปิดกว้างแล้ว
ก่อนอื่นต้องขอบอกอีกเหมือนกันว่า ในช่วงที่ทำการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่ผ่านมา ฮือฮากันแต่ช่วงต้นๆ แต่เมื่อวัดผลโดยรวมแล้ว สิ่งที่ เพิ่มเวลารู้ให้กับเด็ก ยังไม่สามารถเอามาใช้กับชีวิตประจำวันตามเจตนารมณ์ได้ เนื่องจากยังมี ข้อปัญหาหลายประการ อาทิ
ไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง, เด็กได้รับความรู้มาแค่งูๆ ปลาๆ เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ และสังคมยังไม่มีแหล่งรองรับที่จะให้เด็กนำเอาความรู้นั้นมาใช้ทั่วถึง
เมื่อมาถึงวันนี้ วันที่ สังคมกลายเป็น ยุคดิจิทัล โอกาสของการนำเอาความรู้ มาใช้เกี่ยวข้องกับสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากการเพิ่มเวลารู้ให้กับเด็กจนมีทักษะอย่างจริงจังโอกาสในการนำไปใช้เริ่มเปิดมากขึ้นลงมือให้ความรู้อย่างจริงจังกับเด็กๆได้เลย
ตัวอย่างที่จะขอกล่าวถึงในวันนี้คือ โรงเรียนพุดซาพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 จัดกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริง กิจกรรมการทำขนมเบเกอรี่ “P&P Bakery” ซึ่งนักเรียนได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกสรรวัตถุดิบ การลงมือปฏิบัติจริง การจำหน่าย คำนวณต้นทุนสินค้า และออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ สุดท้ายผลงานของเด็กๆก็นำออกจำหน่าย เพิ่มรายได้ให้กับเด็กและโรงเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม ทุกคนมีความสุข
ดังนั้นโรงเรียนใดที่จะฉกฉวยการเพิ่มความรู้ให้กับเด็กด้วยเจตนาดี ลุยได้เลย เรา(แนวหน้า)พร้อมที่จะร่วมส่งเสริมพัฒนาเด็กไทยไปพร้อมๆกับการศึกษาของชาติด้วยโสตหนึ่ง บอกมาได้เลย เราพร้อมอยู่ข้างคุณ
โดย ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี