ลุยเจาะบ่อบาดาล
รบ.ทุ่มกว่า3พันล้านให้‘ทส.’
ดึงน้ำใต้ดินสู้ภัยแล้ง
โคราชอ่วมซื้อน้ำใช้
จ่าย2พันบาท/เดือน
ครม.ทุ่มงบกลาง 3,079 ล้าน ให้“ทส.”สู้แล้งลุยเจาะบาดาล 1,100 โครงการ คาดได้น้ำใต้ดินใช้บรรเทาความเดือดร้อนประมาณ 9 แสนลบ.ม./วัน ยันสูบมาใช้ไม่กระทบโครงสร้างดิน มท.1 สั่งทุกหน่วยพร้อมรับวิกฤติ ประสานกรมชลฯปล่อยน้ำเขื่อนสกัดทะเลหนุนสูง 8-13ม.ค. แก้ประปากร่อย วอนปชช.อย่าดักสูบไปทำนา ขณะที่โคราชแหล่งน้ำแห้งสนิท ชาวบ้านต้องซื้อน้ำใช้เดือนละ2พันบาท’บึงกาฬ’ประกาศภัยแล้ง4อำเภอ
เมื่อวันที่ 7 มกราคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแผนรับมือภัยแล้งว่า ปีนี้จะมีน้ำน้อย ส่วนการประกาศพื้นที่ภัยแล้งตอนนี้มี 14 จังหวัด ถ้าดูรายละเอียดส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่มีความเสี่ยง 22 จังหวัด สวนนอกพื้นที่ กปภ. และที่เสี่ยงปัญหาประปาท้องถิ่นและประปาหมู่บ้าน มี 43 จังหวัด กปภ.เตรียมการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 แล้ว และมีแผนแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ เมื่อน้ำลดจะทำแผนงานเพิ่ม ซึ่งต้องนำน้ำมาจากที่อื่น
วอนเกษตรกรอย่าสูบน้ำมาทำนา
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า ในส่วนการประปานครหลวง (กปน.) ก็มีปัญหาน้ำกร่อย ที่มีปริมาณ
เกลือในน้ำมาก จะมีผลต่อสุขภาพของผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ตนมอบให้ กปน.ประสานกรมชลประทาน ซึ่งปล่อยน้ำจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำป่าสักชลสิทธิ์ลงมา โดยปล่อยน้ำจากเขื่อนชัยนาท 80 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และปล่อยน้ำจากแม่น้ำแม่กลองออกมาอีก 20 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำขนาดนี้ จะดันน้ำเค็มไม่ให้ขึ้นมาถึงสถานีสูบน้ำประปาสำแล จ.ปทุมธานีได้
รมว.มหาดไทยกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม บางช่วงจะมีประชาชนไปสูบน้ำ หากไปสูบช่วงที่น้ำทะเลหนุนขึ้นมา ปริมาณเกลือที่สถานีสูบน้ำประปาสำแล จะขึ้นไปสูงถึง 1 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้รู้สึกถึงความเค็ม หากปริมาณเกลืออยู่ที่ 0.5-ง 0.6 กรัมต่อลบ.ม. ก็คิดว่าน่าจะไม่ค่อยรู้สึก ตนอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า กรมชลประทานปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆ เพื่อให้อยู่ได้ถึงเดือนกรกฎาคม เน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ดังนั้น เกษตรกรต้องช่วยกันอย่าสูบน้ำขึ้นมา โดยเฉพาะการนำน้ำไปทำนาที่ต้องใช้ปริมาณน้ำมาก ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 7-10 มกราคม กรมชลประทานจะปล่อยน้ำมามากกว่าปกติ ซึ่งจะมาถึงกทม.ช่วงที่น้ำขึ้นพอดีคือวันที่ 13 มกราคม . สรุปคือเน้นใช้น้ำอุปโภคบริโภค การเกษตรเป็นรอง ประชาชนเองก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะยังเหลืออีกหลายเดือนกว่าฝนจะตก
ยันมีมาตรการขุดบาดาล-แจกน้ำช่วย
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวด้วยว่า ผลกระทบภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อการทำมาหากินของประชาชน รัฐบาลมีแนวทางช่วยเหลือตามกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งก็จะสำรวจความเสียหาย ตนติดตามสถานการณ์และรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชน ขณะที่การช่วยเหลือในพื้นที่ส่วนนอกนั้น เราเตรียมนำน้ำจากข้างนอกหรือน้ำบาดาล ส่วนในบางพื้นที่ที่ไม่มีน้ำแน่ๆ จะเตรียมส่งน้ำให้ประชาชน ตนก็ยังคาดหวังว่าเราจะผ่านแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะรุนแรงอยู่มากพอสมควร แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งศูนย์เฉพาะกิจแก้วิกฤตน้ำ มีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชากา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเป็นลูกมือศูนย์ฯช่วยรวบรวมข้อมูล อีกทั้ง จะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ที่ประสบปัญหาอาชีพ และทำมาหากินโดยเฉพาะผู้ที่ทำเกษตรจะมีแผนจ้างงาน และหาพืชใช้น้ำน้อยเหมาะสมกับพื้นที่
เกษตรฯสั่งด่วนทุกหน่วยทำแผนสู้แล้ง
ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯทำแผนปฎิบัติการ (Action plan) ช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งคาดการณ์กันว่าปีนี้มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ส่งผลให้มีน้ำต้นทุนในเขื่อนและแหล่งน้ำธรรมชาติน้อย ทั้งนี้ หลังมอบนโยบายได้เร่งพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อให้มีแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแก้มลิงสำหรับใช้อุปโภค-บริโภคในชุมชน การปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการทำนาปรัง การทำปศุสัตว์ การทำประมง รวมถึงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรใช้บริโภคและจับขายได้ ตลอดจนแผนจ้างแรงงานเพื่อให้เกษตรกร ซึ่งประสบภัยแล้ง มารับจ้างทำงาน มีรายได้เสริม นอกจากนี้ ยังกำชับทุกหน่วยงานให้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและประชาชนทราบสถานการณ์ เน้นทำงานเชิงรุกให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติของศูนย์บัญชาการน้ำเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ปัญหาวิกฤติน้ำแห่งชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีห่วงปัญหาภัยแล้งที่อาจรุนแรงปีนี้ จึงเป็นประธานศูนย์บัญชาการน้ำเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ปัญหาวิกฤติน้ำด้วยตนเอง
ธรรมนัสสั่งฝนหลวงทำฝนเทียม
ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาภัยแล้งขณะนี้ว่า ตนสั่งการกรมฝนหลวงเร่งช่วยเหลือประชาชน โดยจะเริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวงเดือนกุมภาพันธ์พร้อมกันทุกภาค เพราะภัยแล้งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน แม่น้ำชีไม่มีน้ำแล้ว ซึ่งการทำฝนหลวงจะไปช่วยเติมน้ำในพื้นที่ชลประทานและนอกชลประทาน แต่จะเติมน้ำได้มากน้อยแค่ไหน ต้องดูสภาพอากาศด้วย
เทงบ3พันล.ให้ทส.เจาะบาดาล
วันเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า กระทรวงฯเสนอครม.ขอความเห็นชอบขอเจาะน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ซึ่งที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง 3,079 ล้านบาท เพื่อใช้บรรเทาปัญหาดังกล่าว ตามที่กระทรวงฯ เสนอ แบ่งเป็นงบประมาณสำหรับพื้นที่ในความดูแลของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) 1,100 ล้านบาท และพื้นที่นอกการดูแลของ กปภ. 1,900 ล้านบาท ส่วนการเจาะบ่อบาดาลนั้น รวมอยู่ในส่วนพื้นที่นอกความดูแลของกปภ.มี 1,100 โครงการในภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน ซึ่งใช้งบประมาณ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดูแล 704 โครงการ กองทัพบก 209 โครงการ และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา 187 โครงการ
ลุ้นได้น้ำใต้ดิน3หมื่นล.ลบ.ม.สู้แล้ง
นายวราวุธกล่าวต่อว่า ปริมาณงานทั้งหมดเป็นการเจาะใหม่และซ่อมแซมระบบน้ำประปา รวมถึงหาแหล่งน้ำจากผิวดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมากในการแก้วิกฤติภัยแล้งครั้งนี้ รัฐบาลออกนโยบายต่างๆ มาดูแลบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยเฉพาะกรมทรัพยากรน้ำบาล ซึ่งปัจจุบัน แหล่งน้ำแหล่งเดียวที่นำมาใช้ได้เต็มที่คือ น้ำใต้ดินที่นำมาใช้ได้ปลอดภัยนั้นมีประมาณ 30,000 ล้าน ลบ.ม. และเมื่อถึงฤดูฝน น้ำส่วนนี้จะถูกดูดซึมกลับลงไปใต้ชั้นผิวดินอีกครั้ง
ยันสูบใช้ไม่กระทบโครงสร้างดิน
เมื่อถามว่าการเจาะน้ำบาดาลมาใช้จำนวนมากจะมีผลทำให้ดินทรุดหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลหารือนักวิชาการหลายฝ่ายแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าปริมาณน้ำบาดาลที่เราขุดเจาะมาใช้ปัจจุบันเป็นปริมาณที่ปลอดภัย สามารถนำขึ้นมาใช้ได้ โดยไม่ส่งผลกระทบกับโครงสร้างพื้นดิน
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส.กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นพระเอกในการแก้ปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศด้วยการขุดเจาะบ่อบาดาล บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนและให้กรมทรัพยากรน้ำ รับผิดชอบน้ำให้ชาวสวน ที่ประสบปัญหาไม้ผลกำลังออกผลิต โดยเฉพาะในภาคตะวันออก
คาดได้น้ำใช้ได้9แสนลบ.ม.ต่อวัน
นายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวว่า ปริมาณน้ำบาดาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังมีปริมาณเพียงพอเพราะอยู่ในการควบคุมการใช้ เนื่องจากที่ผ่านมาบางพื้นที่ประสบปัญหาดินทรุดเพราะในอดีตมีปริมาณใช้น้ำบาดาลมากถึงประมาณวันละ 2.2 ล้าน ลบ.ม. แต่ปัจจุบันควบคุมการใช้น้ำบาดาลอยู่ประมาณวันละ 1 แสนลบ.ม. ดังนั้น ภาพรวมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะใช้น้ำบาดาลได้ประมาณวันละ 9 แสนลบ.ม. หรือสูงสุดที่ 1.25 ล้านลบ.ม./วัน ไม่มีผลกระทบทำให้ดินทรุด ปริมาณน้ำบาดาลจะเป็นน้ำสำรองให้ส่วนราชการอื่นที่จะสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ให้ประชาชนได้ น้ำบาดาลยังเป็นน้ำที่มีคุณภาพ สะอาด ถ้าไม่นำขึ้นมาใช้น้ำบาดาลก็จะไหลลงสู่ทะเลไป
โคราชต้องซื้อน้ำใช้2พันต่อเดือน
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ทั่วประเทศยังคงน่าเป็นห่วง อย่างที่จ.นครราชสีมา แหล่งน้ำแห้งขอด ประชาชนหลายร้อยหมู่บ้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ที่บ้านใหม่สามัคคี ต.ช่องแมว อ.ลำทะเมนชัย ปริมาณน้ำแห้งขอด ชาวบ้านต้องซื้อน้ำจากพ่อค้าที่บรรทุกน้ำจากแหล่งน้ำอื่นมาขายราคาถังละ 150 บาท ถังความจุ 2,000 ลิตร ใช้ในครัวเรือนเพียง 3 วัน ทำให้ชาวบ้านมีค่าใช้จ่ายซื้อน้ำเฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งขาดแคลนน้ำใช้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ขณะนี้แหล่งน้ำที่สูบน้ำมาขายให้ชาวบ้านเริ่มแห้งขอด คาดไม่พอไปตลอดฤดูแล้งนี้
บึงกาฬประกาศ4อ.ประสบภัยแล้ง
จ.บึงกาฬ ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 4 อำเภอได้แก่ อ.โซ่พิสัย อ.ปากคาด อ.พรเจริญ และ อ.เมืองบึงกาฬ รวม 238 หมู่บ้าน เนื่องจากฝนไม่ตกต่อเนื่อง พื้นที่เกษตรอยู่ไกลแหล่งน้ำ ได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง อย่างไรก็ตาม โครงการชลประทานจังหวัดบึงกาฬมีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ 53 แห่ง ปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 75 คาดว่าเพียงพออุปโภคบริโภคไปจนถึงต้นฤดูฝน อย่างไรก็ตาม จังหวัดเตรียมรถบรรทุกน้ำและเครื่องสูบน้ำไว้ช่วยเหลือกรณีประชาชนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
อุตรดิตถ์โอดขาดน้ำดิบผลิตประปา
ส่วนที่ต.วังดิน พื้นที่แล้งซ้ำซากของ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ปีนี้ภัยแล้งมาเร็ว ชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือน เริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค แหล่งน้ำดิบผลิตประปาในหมู่บ้านไม่เพียงพอ จังหวัดต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกลจากอ่างเก็บน้ำห้วยสว่างใจ แหล่งเก็บกักน้ำฝนแห่งสุดท้ายของ ต.วังดิน ซึ่งมีปริมาณน้ำเหลือใช้งานร้อยละ 40 ของความจุ ลากท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ผ่านป่าระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร มาใส่แหล่งเก็บน้ำดิบเพื่อใช้ผลิตน้ำประปาสำหรับอุปโภคบริโภค พร้อมขอความร่วมมืองดทำนาปรัง เพราะน้ำไม่พอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี