รมว.ยุติธรรมสั่งย้ายผบ.เรือนจำพิษณุโลก เซ่น 4ผู้ต้องขังป่วยไทรอยด์เป็นพิษตายช่วงปีใหม่ เกิดจากผู้คุมบกพร่อง ผบ.เรือนจำปล่อยปละละเลย ลั่นรับไม่ได้ปล่อยให้มีคนตายในคุก เพราะต้องดูแลผู้ต้องขังเหมือนลูกหลานพร้อมสั่งปลัด ยธ.เรียกผบ.เรือนจำทั่วประเทศเข้าอบรม สร้างความรอบรู้ในการบริหารคน
เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนักโทษเสียชีวิตจากอาการป่วยไทรอยด์ ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก 4 ราย ช่วงวันปีใหม่ว่า ตนมีคำสั่งย้ายผู้บัญชาการเรือนจำมาอยู่ที่ส่วนกลาง พร้อมทั้งโยกย้ายตำแหน่งอื่นอีก 2 ตำแหน่ง เพื่อส่งคนที่เหมาะสมไปปฏิบัติงานแทน ในรายละเอียดการเป็นโรคไทรอยด์ไม่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ แต่ผู้ที่เสียชีวิต เกิดจากความบกพร่องของผู้คุมที่ไม่ดูแลผู้ต้องขังว่าได้รับความเจ็บป่วย และต้องแยกออกมารักษา ซึ่งการย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ เกิดจากสาเหตุของการปล่อยปละละเลย บริหารไม่ดี เพราะในเรือนจำมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก และมีโรคหลายอย่างเกิดขึ้น รวมถึงโรคติดต่อ ซึ่งตนรับไม่ได้ที่ปล่อยให้มีคนตายในเรือนจำ เพราะต้องดูแลผู้ต้องขังเหมือนลูกหลาน พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม เรียกผู้บัญชาการเรือนจำ หรือผู้ที่จะเป็นผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศมาเข้าอบรม เพื่อให้เกิดความรอบรู้ในการบริหารปกครองคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้ต้องขังป่วยเสียชีวิตช่วงปีใหม่ไล่เลี่ยกันถึง 4 ราย ที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งกรมราชทัณฑ์ส่งผู้อำนวยการกองบริการทางการแพทย์ลงพื้นที่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เข้าตรวจสอบสาเหตุที่โรงพยาบาลวังทอง จังหวัดพิษณุโลกในวันนี้นั้น กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงว่า ผลจากความร่วมมือของทุกหน่วยงานทางการแพทย์ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า น่าจะเกิดจากการโรคไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งจากอาการและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของผู้ต้องขังที่เข้ารักษาจากโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก และโรงพยาบาลวังทอง บางรายมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำร่วมด้วย สำหรับสาเหตุของการระบาด น่าจะเกิดจากแหล่งโรคร่วม ซึ่งอาจเกิดจากอาหารที่ปนเปื้อนฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ซึ่งอยู่ระหว่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กำหนดมาตรการป้องกันการเสียชีวิต ด้วยการเฝ้าระวังอาการของผู้ต้องขังอย่างใกล้ชิด การวินิจฉัยที่รวดเร็วโดยเจาะระดับฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ และมาตรการป้องกันเบื้องต้น โดยการตรวจสอบการปนเปื้อนไทรอยด์ของเนื้อหมู และเนื้อไก่ ให้เข้มข้นจากข้อมูลผู้ต้องขังที่เสียชีวิตทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องขังชายทั้งหมด มี 2 รายที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ และสันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากเส้นเลือดหัวใจตีบ โดยอีก 2 รายอยู่ระหว่างรอผล การชันสูตร ซึ่งจากการเข้ารับรักษาของผู้ต้องขังในโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก และโรงพยาบาลวังทอง เป็นผู้ต้องขังชายทั้งหมด 25 ราย โดย 5 ราย ที่มีอาการแขนหรือขาอ่อนแรง ร่วมกับมีอาการชา ปวดกล้ามเนื้อและเหนื่อยง่าย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้น พบผู้ป่วยมีระดับฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ต่ำกว่าปกติ และระดับฮอร์โมนไทรอยด์อิสระสูงกว่าปกติ ส่วนผู้ต้องขังป่วยอีก 20 ราย เป็นผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงและชีพจรเต้นเร็ว อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พบว่า สภาพแวดล้อมและสุขาภิบาลอาหารของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ สะอาด มีการแบ่งโซนการเตรียมอาหารสดและผัก รวมทั้งการจัดเก็บอาหารแห้งและอาหารแช่แข็งเป็นสัดส่วน ซึ่งจากการตรวจสอบเนื้อหมูและเนื้อไก่ บางส่วนเป็นชิ้นเล็ก และบางส่วนเป็นเนื้อหมูแช่แข็งก้อนใหญ่ สำหรับ เนื้อไก่ เป็นเนื้อไก่แช่งแข็งบรรจุในถุง ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นส่วนใด
ทั้งนี้ เรือนจำยังร่วมวางมาตรการควบคุมป้องกันโรคดังกล่าว กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกจัดหน่วยแพทย์เข้าคัดกรอง เฝ้าระวังผู้มีอาการสงสัยไทรอยด์เป็นพิษต่อเนื่อง และวางมาตรการป้องกันด้วยการจัดการปัจจัยเสี่ยง ในเบื้องต้นโดยให้เรือนจำประสานผู้ประกอบการจัดหาวัตถุดิบที่มั่นใจได้ว่าไม่ปนเปื้อน ต่อมไทรอยด์ และเป็นก้อนเนื้อที่ระบุชิ้นส่วนได้ และต่อไปให้ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี