ตำรวจตีวงแคบ
คาดคนมีสี/ลูกคนดัง/พลเรือน
มือปืนปล้นฆ่าร้านทอง3ศพ
‘บิ๊กตู่’ย้ำไม่อยากเห็นจับแพะ
ตำรวจแย้มข่าวดี ใกล้ได้ตัว“ไอ้เหี้ยมปล้นร้านทอง” ตีวงแคบ มีทั้งทหาร-พลเรือน ด้านนายกฯวอนอย่ากดดันเจ้าหน้าที่ มั่นใจปิดคดีได้ และไม่อยากเห็นการจับแพะ
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 14 มกราคม ที่ สภ.เมืองลพบุรี พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ออกแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ถึงความคืบหน้าคดีเหตุคนร้ายปล้นทองในร้านทองกลางห้างดัง เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 คน ว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ความคืบหน้ามาก ทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเข้มข้น โดยผลัดเปลี่ยนเวรกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยราชการเป็นอย่างดี รวมทั้งเบาะแสที่ได้รับจากประชาชน
นอกจากนี้ นายสุปกิต โพธิ์ปภาพัน ผวจ.ลพบุรี ได้นำรายชื่อผู้ครอบครองรถยามาฮ่าฟีโน่ ขาว แดง และรายชื่อผู้ครอบครองอาวุธปืนขนาด 9 มม.รุ่นเดียวกับที่ใช้ในการก่อเหตุส่งให้กับตำรวจแล้ว โดยภายหลังมีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้ตรวจสอบผู้ครอบครองปืนให้แคบลงเหลือ 13 กระบอก ผู้ที่ครอบครองแบ่งเป็น ทหาร 2 ราย พลเรือน 11 ราย ขณะเดียวกันตำรวจยังประสานค่ายโทรศัพท์มือถือตรวจสอบสัญญาณผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ ชุดสืบสวนนำโดยตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ ลงพื้นที่สนามยิงปืน ขอข้อมูลกับสนามยิงปืนภายในจังหวัดลพบุรี เพื่อรวบรวมข้อมูล โดยทางสนามยิงปืนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกันได้ประชุมวางแผนกับชุดปฏิบัติงานอย่างตลอด โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกันทำงาน มีแนวทางเดียวกัน โดยระดมกำลังปิดล้อมตรวจค้นทั้งชุมชน หมู่บ้าน โดยขณะนี้ได้นำข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียงเพื่อจะนำไปสู่การจับกุมคนร้าย เชื่ออีกไม่นานน่าจะจับกุมคนร้ายได้
มีรายงานจาก ชุดสืบสวนสอบสวนขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ทางตำรวจเชื่อว่าเป็นคนร้ายที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนแล้ว ด้วยพยานหลักฐานที่ใกล้เคียงที่สุดมี 3 รายด้วยกัน
โดยรายแรกเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลในจังหวัด เนื่องจากมีท่าทางการเดินคล้ายกับตัวคนร้าย ส่วนรายที่สองเป็นบุคคลมีสี และรายสุดท้ายเป็นพลเรือน ซึ่งทั้ง 3 เป้าหมายเป็นคนในพื้นที่จังหวัดลพบุรีทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบอีกครั้ง จากนี้ตำรวจจะเตรียมขอหมายค้นเป้าหมายผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนลักษณะใกล้เคียงกับที่คนร้ายใช้
นอกจากนี้ ชุดคลี่คลายคดียังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวของหนึ่งในผู้เสียหายทิ้ง เนื่องจากมีพยานได้เข้าให้เบาะแสกับทางตำรวจ พร้อมระบุว่า พบเห็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อ นำรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง-ดำ ที่มีลักษณะคล้ายกับคนร้ายใช้ขับขี่หลบหนีนั้น มีการนำไปเก็บซ่อนไว้ในบ้านหลังหนึ่ง แต่ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังค้นหาไม่พบ
สำหรับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมก่อนเกิดเหตุนั้น พบว่ามีกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุสามารถบันทึกภาพชายต้องสงสัยที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายรายนี้ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง-ดำ แล้วไม่มีการปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด มีเพียงสวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ แต่ภาพดังกล่าวเป็นกล้องที่บันทึกจากระยะไกล ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ก่อนคนร้ายจะหายไปจากกล้อง กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าวเพียงไม่นาน
ขณะที่หลังก่อเหตุเสร็จคนร้ายได้ใช้เส้นทางออกถนนบายพาส ต.โพตลาดแก้ว อ.เมือง จ.ลพบุรี ล่าสุดไปปรากฏที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีระยะทางจากจังหวัดเกิดเหตุไม่เกิน 150 กิโลเมตร ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้นั้น หากเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถขับได้เพียงแค่ในระยะดังกล่าวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นต้องมีการแวะเติมน้ำมันเพิ่ม ซึ่งเสี่ยงจะถูกพยานและวงจรปิดเห็นตัวได้
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่าคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ สามารถจำกัดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้
ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและรมว.กลาโหม เชื่อมั่นว่าตำรวจสามารถคลีคลายคดีได้ ขออย่าได้กดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่และตนไม่อยากเห็นการจับแพะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี