นายกฯคุมเข้มฝุ่นพิษ
เพิ่มจุดสกัดรถควันดำ
‘วราวุธ’ฮึ่มจ่อใช้ยาแรง
กทม.อ่วมPMพุ่ง9เขต
นายกฯ ย้ำให้ตั้งจุดสกัดรถควันดำมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ห้ามวิ่งจนกว่าจะแก้ไข ระบุอยากให้ร่วมมือกันก่อนใช้มาตรการทางกฎหมายด้าน“วราวุธ”เผย รัฐบาลเตรียมออกยาแรง ยกตัวอย่างเกาหลีใต้ห้ามรถวิ่งในเมือง ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นพิษใน 9 เขต กทม.พุ่ง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
เมื่อเวลา 13.50น.วันที่ 14มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการแก้ปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 ว่า ต้องดูว่าสาเหตุมาจากตรงไหนบ้าง รัฐบาลทำอะไรได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือประชาชนทุกกลุ่มต้องร่วมมือกัน ทั้งจากการขับรถที่มีควันดำ ไม่มีควันดำ ทุกคนรู้หมด ซึ่งต้องช่วยกันแก้ไข ต้องไปช่วยกันลดการเผาให้ได้ ทั้งนี้ ตนได้ย้ำในส่วนของขนส่งมวลชนไปแล้ว รวมถึงการตั้งด่านจุดสกัดให้มากขึ้น รถคันไหนมีปัญหาก็ไม่ให้วิ่ง จนกว่าจะแก้ไขได้ หามาตรการเข้ามาแก้ไขและช่วยเหลือ ซึ่งบางครั้งหลายคนมีความเดือดร้อนต้องใช้รถแบบนี้ ก็ต้องมีการเข้าไปแก้ปัญหาให้
“รัฐบาลมีหน้าที่กำกับดูแล ในส่วนของขนส่งมวลชน รถบรรทุก การลดควันดำ การเปลี่ยนใช้รถ การเดินหน้าไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นไปตามขั้นตอน เพราะไม่สามารถสั่งการได้ทีเดียว เราต้องช่วยกันอธิบาย ไม่อย่างนั้นก็ตีกันไปตีกันมา ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดมาตรการที่รัฐบาลทำได้เต็มที่ คือมาตรการทางกฎหมาย ห้ามรถวิ่ง ห้ามรถบรรทุกเข้าเมือง แล้วจะเดือดร้อนใครไหมล่ะ อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันก่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทางด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ได้ประชุมเพื่อหามาตรการ และหายาที่แรงขึ้นในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอความเห็นชอบ ครม.ต่อไป ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จำนวน 72 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ กทม. มาจากยานพาหนะ ซึ่งเป็นรถบรรทุกกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์มาจากรถกระบะ ภาคอุตสาหกรรม 18 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมาจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ จึงต้องถามไปยังสังคมว่าหากรัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดจะรับได้หรือไม่ ส่วนมาตรการเข้มงวดหรือยาแรงที่จะออกมาบังคับใช้ยังไม่ขอเปิดเผย แต่ต้นเหตุของการเกิดปัญหาฝุ่นPM2.5 มาจากรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างในประเทศเกาหลีใต้ ได้มีมาตรการที่เข้มงวด เช่น ประกาศห้ามรถยนต์วิ่งในเขตเมือง เป็นต้น
วันเดียวกัน สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 เวลา 10.00-12.00 น.ตรวจวัดได้ 31-60 มคก./ลบ.ม.ค่าเฉลี่ย 45 มคก./ลบ.ม.ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและยังคงมีค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 9 เขต ได้แก่ วังทองหลาง บางคอแหลม บางกะปิ เขตคลองสาน บางเขน เขตพระนคร คลองเตย หลักสี่และบึงกุ่ม ทางศูนย์บริการสาธารณสุข 47 คลองขวาง ได้ออกหน่วยปฐมพยาบาลและรณรงค์ประชาสัมพันธ์ แจกหน้ากากอนามัย แผ่นพับให้ความรู้การปฏิบัติตัว คัดกรองสุขภาพที่ริมถนน ซอยเพชรเกษม 54 เขตภาษีเจริญ นอกจากนี้สำนักงานเขตต่างๆ ยังระดมกำลัง ฉีดน้ำล้างถนนในพื้นที่ รวมถึงการฉีดพ่นละอองน้ำในสถานศึกษา เพื่อบรรเทาปัญหาให้กับประชาชน
ทางด้าน กลุ่มนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล พร้อมจัดกิจกรรมไล่ฝุ่น#NotMyPM (2.5) บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องให้ภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2 .5 ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ระยะเร่งด่วน ให้ภาครัฐกระจายข้อมูลข่าวสาร 2.ระยะสั้น ให้เพิ่มจุดตรวจ PM 2.5 ให้ทั่วประเทศ, สนับสนุนและอุดหนุนราคาหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ฟอกอากาศ 3.ระยะยาว ออกกฎหมายอากาศสะอาด (Clean Air Act), ปรับมาตรฐานฝุ่นละอองPM 2.5ให้ต่ำลง อ้างอิงตามองค์การอนามัยโลก เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี