ตำรวจขอออกหมายศาล
ปูพรมค้น10จุด
ปัดล็อกเป้า3ผู้ต้องสงสัย
2หนุ่มบุคลิกคล้ายคนร้าย
โร่แจงสื่อยันความบริสุทธิ์
ตำรวจยังคงใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อปิดคดีโจรฆ่าชิงทองที่ลพบุรี ล่าสุดขอหมายศาลบุกค้น 10 จุดแต่ยังไร้วี่แววคนร้าย ด้านผู้การจังหวัดลพบุรียันมีความคืบหน้าทั้งขอบคุณประชาชนที่ให้เบาะแส ในขณะที่ 2 หนุ่ม ซึ่งมีบุคลิกคล้ายคนร้ายโร่พบตำรวจ แจงสื่อยืนยันความบริสุทธิ์
ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี (สภ.ลพบุรี) เมื่อวันที่ 15 มกราคม พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการไล่ล่าผู้ก่อเหตุบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้ชิงทองจากร้านทองในห้างสรรพสินค้าเมืองลพบุรี จนมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 3 ศพ โดยยืนยันว่า การทำงานคืบหน้าไปมากกว่าเดิม สามารถจำกัดกลุ่มคนร้ายได้แคบมากยิ่งขึ้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้และต้องเก็บพยานหลักฐานให้แน่นหนา
ส่วนปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เมื่อเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา ขอหมายศาลตรวจค้นรวมประมาณ 10 จุด เพื่อนำหลักฐานทั้งหมดมาวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงไปถึงผู้ก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหลักฐานที่ได้มาเชื่อมโยงกับคนร้ายมากแค่ไหน และไม่ระบุว่าจำกัดวงผู้ต้องสงสัยไว้กี่คน
สำหรับการตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยหนนี้มีระดมตำรวจทั้งจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจนครบาล ตำรวจกองปราบปรามฯลฯเข้าปฎิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ เป้าหมายเป็นกลุ่มคนที่มีอาวุธปืนชนิด และยี่ห้อที่คนร้ายใช้คือปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZรุ่น SP-01 ขนาดลำกล้อง 4.3-5นิ้วซึ่งมีผู้ครอบครอง 13คน จนสามารถคัดกรองผู้ต้องสงสัยเหลือแค่ 3รายซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับคนร้ายรายนี้ แต่จนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่เปิดเผยเป้าหมายการเข้าตรวจค้นว่ามีกี่จุด
ผบก.ภจว.ลพบุรีไม่ยืนข้อมูลหรือข้อเท็จจริง กรณีที่มีสื่อโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่ภาพบุคคลที่คาดว่าเป็นคนร้าย เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบทั้งหมด และ ยังไม่มีการขอออกหมายจับผู้ใด
วันเดียวกัน นายธนปพน เงินเมย นายกเทศมนตรี ต.กกโก อ.เมือง จ.ลพบุรีได้พานายชัยพงษ์ โพธิ์รัศมี อายุ 37ปีซึ่งเป็นหลานชายของตนเองได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ในคดีชิงทองที่ห้างโรบินสันลพบุรี ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ สภ.เมืองลพบุรีโดยนายชัยพงษ์กล่าวว่าทราบข่าวการชิงทองจากการพูดคุยของชาวบ้าน และสื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอ เนื่องจากบ้านพักตนเองกับห้างโรบินสันไม่ไกลกันนักซึ่งในวันดังกล่าวไปทำงานรับจ้าง และก็กลับมาก็เข้านอนใช้ชีวิตตามปกติ กระทั่งจู่ๆเมื่อวันที่ 14 ม.ค.นายธนปพนซึ่งเป็นลุงมาบอกว่าเข้าข่ายตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ จึงรู้สึกงงมาก ทั้งที่ในวันเกิดเหตุ ไม่ได้ไปไหน มีกล้องวงจรปิดที่พิสูจน์ได้ว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุตนมาซื้อของที่ร้านค้าพอดี อีกทั้ง มอเตอร์ไซค์ใช้ประจำก็เป็นรถฮอนด้าคลิกสีดำแดงทะเบียน ขตร.697 พบุรี
“อาจเป็นไปได้ว่าเคยประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาข้างขวาหักมากว่า 2 ปี ซึ่งการเดินก็อาจจะไม่เหมือนคนปกติ แต่ไม่สามารถยกของหนักหรือกระโดดที่สูงได้ มันจะมีอาการเจ็บ ซึ่งลักษณะการเดินอย่างนี้ประกอบกับเป็นคนที่มีส่วนสูงและรูปร่างคล้ายคนร้าย จึงมีผู้แจ้งเบาะแสไปยังเจ้าหน้าที่ จนเข้าข่ายเป็นผู้สงสัยในคดีดังกล่าว ก็ต้องขอยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้นายชัยพงษ์ยังได้แสดงท่าขับขี่จักรยานยนต์ท่าเดินรวมทั้งภาพในกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่ผู้สื่อข่าวดูอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนายชัยพงษ์แล้วยังมีผู้ต้องสงสัยอีกรายถึงเป็นอดีตทหารในลพบุรี ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นทองทางโทรทัศน์อีกช่องหนึ่งด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี