เปิด‘เบื้องลึก’แกะรอยล่า ก่อนตะครุบ‘ไอ้เหี้ยม’ชิงทอง

เปิด‘เบื้องลึก’แกะรอยล่า ก่อนตะครุบ‘ไอ้เหี้ยม’ชิงทอง

วันพุธ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563, 16.35 น.

เปิด‘เบื้องลึก’แกะรอยล่า ก่อนตะครุบ‘ไอ้เหี้ยม’ชิงทอง

22 มกราคม 2563 ความคืบหน้าภายหลังมีการจับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาคดีชิงทองที่ จ.ลพบุรี


สำหรับเบื้องหลังการจับกุมครั้งนี้ มีรายงานว่าภายหลังเกิดเหตุทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. , พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักษ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกองปราบปราม ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนแกะรอยผู้ต้องหารายนี้

จนกระทั่งประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีของกองปราบฯได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่าคนร้ายที่น่าจะก่อเหตุดังกล่าวน่าจะเป็น “นายประสิทธิชัย เขาแก้ว” หรือ “กอล์ฟ” อายุ 38 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี จึงได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน โดยใช้เวลาสืบสวนประมาณ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์ พบว่า มีหลักฐานหลายอย่างโดยเฉพาะ “อาวุธปืน” ที่ใช้ก่อเหตุเกี่ยวพันกับนายประสิทธิชัย พร้อมกับหลักฐานอื่นๆเชื่อมโยงว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว จึงได้ประสานให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาลอาญา กระทั่งศาลออกหมายจับให้เมื่อค่ำวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา

ภายหลังทราบตัวผู้ก่อเหตุแน่ชัด ประกอบกับศาลออกหมายจับแล้ว พล.ต.ต.จิรภพ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิจักษ์ นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สสน.บก.ป. หรือชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน” กองปราบฯ ตามแกะรอยจนทราบที่กบดานของผู้ต้องหารายนี้ จนทราบว่ามีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และจะมีการขับรถเดินทางไปทำการสอนหนังสือที่โรงเรียนใน จ.สิงห์บุรี

ในช่วงเช้าของวันนี้ (22 มกราคม 2563) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สสน.บก.ป. จึงจัดกำลังพร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเห็นนายประสิทธิชัย กำลังขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่นซีรีย์ 5 สีดำ หมายเลขทะเบียน 7กณ 493 กทม. จึงได้ขับรถสะกดรอยติดตามนายประสิทธิชัย ไปจนถึงบริเวณทางหลวงสาย 311 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จึงแสดงตัวพร้อมอาวุธหนักครบมือ บุกจู่โจมชาร์จจับกุม ระหว่างที่เข้าจับกุมนั้น นายประสิทธิชัย ไม่มีท่าทีขัดขืน หรือต่อสู้เจ้าหน้าที่ เพราะตั้งตัวไม่ติด

จากการตรวจค้นภายในรถไม่พบ “อาวุธปืน” ที่ใช้ในการก่อเหตุ แต่พบกระสุนปืนขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับที่ก่อเหตุอยู่ภายในรถหลายนัด จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี เพื่อทำการสอบสวน

รายงานข่าว ระบุว่า จากการสอบสวนนายประสิทธิชัย รับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้น เพราะตนเองรู้สึก “เบื่อชีวิต” ต้องการหาความท้าทาย ตื่นเต้น ชีวิตจะได้มีสีสัน นอกจากนี้ตนยังรู้ตัวดีว่าหลังก่อเหตุจะถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้อยู่แล้ว

ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเป็นปืนยี่ห้อซีแซต รุ่น เอสพี 01 ซึ่งเป็นปืนของพ่อที่เป็นอดีตตำรวจ หลังจากก่อเหตุเสร็จก็นำไปคืนพ่อเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563

ส่วน “รถจักรยานยนต์” ยี่ห้อฟีโน่ สีแดง รุ่นปี 2008 เป็นรถจักรยานยนต์ของ “พ่อตา” ซึ่งตนยืมมาเพื่อใช้ในการก่อเหตุด้วยเช่นกัน และขณะนี้รถคันดังกล่าวตนได้นำไปคืนให้กับพ่อตาแล้ว

อย่างไรก็ตามแม้คำให้การของผู้ต้องหาจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การในบางส่วน และจะทำการเค้นสอบอย่าละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ก่อนนำตัวไปแถลงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ (23 มกราคม 2563) ต่อไป

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของการแกะรอยหาเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอขอบคุณประชาชน ชาวบ้าน ที่ให้ความร่วมมือช่วยแจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางกองปราบฯเองเปิดกว้าง และให้ความสำคัญอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาทางกองปราบฯมีการเปิดช่องทางติดต่อกับประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคดีนี้เพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคดีอื่นๆอีกด้วย

ล่าสุด พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. เดินทางลงพื้นที่ จ.ลพบุรี และสิงห์บุรี เพื่อเข้าควบคุมการสืบสวนขยายผล และหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนอีกทางหนึ่งด้วย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top