ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาทรัพยากรน้ำ ซึ่งทรงตระหนักดีว่า น้ำ คือชีวิต และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาชีพเกษตรกรรม และการดำรงชีวิตของราษฎรชาวไทย โดยเฉพาะในชนบท ดังกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ว่า “หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูกเพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ไม่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้...”
“น้ำ” นับเป็นปัจจัยพื้นฐานทางการเกษตร ปัจจุบันภาคการเกษตรทั่วโลกต่างกำลังเผชิญหน้ากับผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปริมาณน้ำลดลง อากาศขาดความชุ่มชื้น ส่งผลกระทบทำให้พืชขาดน้ำ ชะงักการเจริญเติบโต ปริมาณผลผลิตลดลงและมีคุณภาพต่ำ ประเทศไทยประสบความสำเร็จ เรื่องการจัดการระบบชลประทานและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“กรมชลประทาน เป็นองค์กรอัจฉริยะ ที่มุ่งสร้างความมั่นคงด้านนํ้า (Water Security) เพื่อเพิ่มคุณค่าการบริหาร ภายในปี 2579”
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชยันต์ เมืองสง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) กรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากนายยุทธนา มหานุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 สำนักพัฒนาแห่งน้ำขนาดใหญ่ ณ ห้องประชุมหัวงานเขื่อนโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ โดยมี นายโชค พรินทรากูลหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม นายชวลิต สุราราช หัวหน้าหน่วยวิศวกรรมบริหาร นายธงชัย ใจเทียมศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างที่ 2นายสุรพล ตันจันทร์ หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างที่ 3 และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฯ ร่วมประชุมและต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นได้เดินทางไปตรวจติดตามการส่งน้ำเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบกับปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ แม้ว่าโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 65.231 (ช้ากว่าแผน 0.740%)
นายชยันต์ เมืองสง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี พร้อมระบบผันน้ำ ระบบส่งน้ำและอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามหนังสือของสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 29 กันยายน 2548 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และอุปโภค-บริโภคของราษฎรที่อพยพจากบริเวณพื้นที่ถูกน้ำท่วมเหนือเขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลาจ.อุตรดิตถ์
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 ให้ดำเนินโครงการ แผนงาน 8 ปี (2554-2561) วงเงินโครงการ 4,800 ล้านบาท และผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำ 1A จนกระทั่งต่อมาคณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างเป็น 11 ปี (2554-2564) เมื่อ 14 พ.ย.2560 ที่ผ่านมา โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 สำนักพัฒนาแห่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายชยันต์กล่าวอีกว่า “อ่างห้วยน้ำรี” ส่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภค-บริโภคเพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่แปลงอพยพที่ได้เสียสละที่ดิน เพื่อก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์และเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำมามากกว่า 40 ปี และราษฎรได้รับประโยชน์9 ตำบล พื้นที่ชลประทาน 53,500 ไร่ บรรเทาปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำน่าน เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจ.อุตรดิตถ์ ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี มีปริมาณน้ำ 3,940,000 ลบ.ม ระดับน้ำ+192.800 มรทก. เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบปัญหาพิบัติภัยแล้ง กรมชลประทานได้ดำเนินการส่งนํ้าระหว่างก่อสร้างโครงการ ประกอบด้วย สระเก็บน้ำรพ.ท่าปลา ความจุประมาณ 5,000 ลบ.ม., สระวัดประชาธรรม ความจุประมาณ 5,000 ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำห้วยภูนก ความจุประมาณ 300,000 ลบ.ม., สระเก็บน้ำบ้านท่าวังโป่ง ความจุประมาณ 16,000 ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำรองไกร ความจุประมาณ 62,800 ลบ.ม., สระวัดห้วยอ้อย ความจุประมาณ 15,000 ลบ.ม.,อ่างเก็บน้ำบ้านวังชมภู ความจุประมาณ 500,000 ลบ.ม. และสระเก็บน้ำหมู่ 7 หาดล้า 2 แห่ง ความจุประมาณ 38,000 ลบ.ม. นายชยันต์ กล่าวทิ้งท้าย
กิตติพงษ์ ทุนเพิ่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี