เด้งฟ้าผ่า2รองผบ.ตร.
‘วิระชัย-ชัยวัฒน์’
ปมร้าวลึกวงการสีกากี
ทำให้ราชการเสียหาย
บิ๊กแป๊ะเผยสาเหตุชัด
รับเกี่ยวกับคลิปเสียง
คดีลอบยิงรถบิ๊กโจ๊ก
ผบ.ตร.สั่งย้าย “พล.ต.อ.วิระชัยทรงเมตตา” รอง ผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการ สำนักนายกฯอ้างมีพฤติการณ์ ทำให้ราชการเสียหาย คาดปมขัดแย้ง ร้าวลึกในวงการสีกากี “บิ๊กแป๊ะ” ยอมรับสาเหตุเกี่ยวข้องกับคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ 2 รายเกี่ยวกับคดียิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมยังสั่งย้าย “พล.ต.อ.เอกชัยวัฒน์ เกตุวรชัย” รอง ผบ.ตร.ไปอยู่ ศปก.ตร.
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนและสังคมโซเชียลมีเดียได้ตั้งประเด็นคำถามถึงกรณีที่สำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ รอง ผบ.ตร. ท่านหนึ่งไปปฎิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 22/2563เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจมาปฎิบัตราชการสำนักนายกรัฐมนตรีจริง ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมีเหตุผลมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. มีพฤติการณ์และการกระทำซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 มกราคม 2563 แล้ว
เด้ง‘วิระชัย’เข้ากรุสำนักนายกฯ
เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ ในมูลกรณีที่ประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างตรวจสอบให้เป็นไปอย่างโปร่งใสมีความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและผู้ร้องเรียน สมควรพิจารณาสั่งการให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงมตตา รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการ นอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงมตตา รอง ผบ.ตร. มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษและสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่ต่ำกว่าที่ได้รับอยู่เดิม โดยเบิกจ่ายจากสังกัดเดิมทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นตันไปจนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประการอื่น สั่ง ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2563
อีกราย‘บิ๊กช้าง’เจอเด้งไป ศปก.ตร.
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 28/2563 เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ โดยคำสั่งดังกล่าว ระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 1 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2557 และข้อ 8(1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2552 จึงให้ พล.ต.อ.เอกชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาคาร1ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 23 มกราคม 2563
มอบ‘ชนสิษฎ์-สุวัฒน์’คุมงานแทน
ภายหลังมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งที่ 29/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 เรื่องกำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้จเรตำรวจแห่งชาติ รอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ.9) และประจำ (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เพิ่มเติม)
คำสั่งดังกล่าวโดยสรุป ระบุว่า ตามที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 28/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม
ทั้งนี้ ได้มีคำสั่งยกเลิกการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบกำกับดูแล รวมทั้งสั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามคำสั่งดังกล่าว ในงานด้านกฎหมายและคดี งานด้านปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในส่วนรับผิดชอบของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา โดยมีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและคดี และงานปราบปรามด้านละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แทน นอกจากนี้ ยังได้ยกเลิกงานด้านสืบสวนสอบสวน ในส่วนของ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย และให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบส่วนงานด้านสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
‘บิ๊กแป๊ะ’ตอบชัดๆ เหตุเด้งฟ้าผ่า
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งโยกย้าย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุรชัย รอง ผบ.ตร.ว่า ไม่ได้หนักใจในการเซ็นคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกรณีของ พล.ต.อ.วิระชัย นั้น ตนได้เสนอไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีการพิจารณากรณีดังกล่าว จริงๆ แล้วเป็นเรื่องของการมีเอกภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ รอง ผบ.ตร. ดังกล่าว หากดำรงตำแหน่งเกรงว่าจะมีอุปสรรคปัญหา
เมื่อถามว่าสาเหตุในการเด้ง พล.ต.อ.วิระชัย คือคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ 2 ท่านคุยกันใช่หรือไม่ ผบ.ตร. ตอบว่า “ใช่” เมื่อถามถึงสาเหตุการโยกย้าย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. กล่าวว่า เพื่อความเหมาะสม
เผยเบื้องหลังคำสั่งย้าย
สำหรับสาเหตุของคำสั่งย้าย พล.ต.อ.วิระชัย ในครั้งนี้ คาดว่า น่าจะเป็นเพราะเรื่องคลิปเสียงที่ถูกนำมาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัย จินดา ผบ.ตร. ขณะไปปฏิบัติราชการอยู่ที่ต่างประเทศ แล้ว พล.ต.อ.วิระชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่แทน ผบ.ตร. ซึ่งเนื้อหาการสทนาดังกล่าวผบ.ตร.เบรคไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีคนร้ายลอบยิงปืนใส่รถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี คู่กรณีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่กำลังมีเรื่องฟ้องร้องเครื่องไบโอเมทริกซ์
โดยเนื้อหาในคลิปบางส่วนเป็นการสนทนาของทั้งคู่ ซึ่ง ผบ.ตร ระบุว่า “ห้ามออกไปแถลงข่าว สั่งการไปแล้วรอรายงานก็พอ เหมือนเตี๊ยมกันมา ..นึกว่ามีวุฒิภาวะพอไม่ไปเอาเรื่องส่วนตัว 2 คน มาร่วมด้วย..รู้ว่าคิดอะไรอยู่..โตป่านนี้อายุขนาดนี้แล้ว ให้ “พล.ต.ท.” มาสั่ง “พล.ต.อ.” อยู่สำนักนายกฯ อยู่คนละที่กัน”
ในกรณีดังกล่าว รองโฆษก ตร.ได้ออกมาตั้งคำถามว่า อยากจะทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนอัด ใครเป็นคนปล่อย ผบ.ตร.เองก็ไม่ทราบว่าเสียงจะถูกนำมาปล่อย เพราะโดยปกติคุยกันคงไม่มีการอัดเสียง ขนาดโทร.ไปคอลเซ็นเตอร์เขาจะอัดเสียงสนทนายังมีมารยาทขออนุญาติเพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการ แต่ในวันเดียวกันที่คลิปเสียงหลุดออกมา พล.ต.อ.วิระชัย ยังคงไปกำกับดูแลคดียิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ต่อ โดยไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานเพื่อนำหัวกระสุนที่อยู่ในตัวรถไปพิสูจน์ทราบมาจากปืนชนิดใดหรือกระบอกใดเพื่อหาฐานข้อมูลติดตามตัวคนร้าย
แต่ในเวลาต่อมา ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กลับจากต่างประเทศ พล.ต.อ.วิระชัย ก็หายหน้าไปจากสื่อ ซึ่งมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งพักงาน 15 วัน กระทั่งมีคำสั่งให้ไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี ดังกล่าว
สำหรับ พล.ต.อ.วิระชัย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ที่เจริญก้าวหน้ารวดเร็วมีผลงานโดดเด่น เช่น คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน, คดีเครื่องสำอางเครือข่ายเมจิกสกิน, ทลายแหล่งผลิตยาลดความอ้วนมรณะ และคดีล่อซื้อกระทงลายการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2565 จนถูกจับตามองอาจเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่ แทนพล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2563
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี