ในปีการศึกษา 2562 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ช่วยเหลือรัฐบาลไทย จัดตั้งสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น ขึ้นในประเทศไทย เป็นสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็นนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของโคเซ็น คือ การจัดตั้งสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล (KOSEN-KMITL) และนับเป็นสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็นแห่งที่ 52 ด้วยการใช้สถานที่ตั้งในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
สถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล.ดำเนินการด้วยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของโคเซ็นญี่ปุ่นทุกประการ ดำเนินการสอนโดยศาสตราจารย์วิศวกรรมศาสตร์จากโคเซ็นญี่ปุ่น และมีการบริหารจัดการด้วยคุณภาพเดียวกันกับสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็นในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำร่องเป็น “สถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็นต้นแบบสำหรับประเทศไทย” หรือเป็น “แบบอย่าง (Benchmark)” สำหรับการพัฒนาสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น ในประเทศไทยต่อไป
ความสำเร็จของสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล. จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในประเทศไทย และจะทำให้มีการจัดตั้งสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็นจำนวนมากตามขึ้นมาในประเทศไทย ประเทศไทยจะมีวิศวกรนักนวัตกรรม ที่มีทั้งทักษะทางด้านปฏิบัติและมีความรู้ภาคทฤษฎี จำนวนมากพอ ตอบสนองความต้องการของการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงและมีการสร้างนวัตกรรมเป็นของประเทศไทย
ในปีการศึกษา 2562 สถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล. ได้เปิดสอนวิศวกรรมศาสตร์หลักสูตร “เมคาทรอนิกส์(Mechatronics)” ที่มีความจำเป็น สำหรับการผลิตที่อัจฉริยะและทันสมัย (Smart production and modern manufacturing) เป็นหลักสูตรแรกรับนักศึกษาเข้าเรียนในชั้นปีที่ 1 และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายดีทุกประการ คุณภาพของนักศึกษาเป็นที่ประทับใจศาสตราจารย์โคเซ็นจากญี่ปุ่น
รูปที่ 3 ห้องเรียนของสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล. (KOSEN-KMITL)
การดำเนินการสอนของสถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล. อาจารย์ผู้สอนจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านวิศวกรรมศาสตร์ เป็นศาสตราจารย์ ที่มีประสบการณ์ และทำงานวิจัย ในปีแรกของการดำเนินการ ได้มีการจัดการพัฒนาอาจารย์ผู้สอนคนไทย ให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอาจารย์ผู้สอนชาวญี่ปุ่น และเริ่มมีผลงานวิจัยร่วมระหว่างอาจารย์คนไทยและศาสตราจารย์ญี่ปุ่น ดังเช่นในรูปที่ 4
รูปที่ 4 บทความวิจัยร่วมของอาจารย์ญี่ปุ่นกับอาจารย์ไทย
รูปที่ 5 นักศึกษารุ่นแรกของสถาบันศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น-สจล.
ถ่ายรูปร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย
การพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความเป็นประเทศพัฒนาแล้ว จำเป็นจะต้องอดทนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการสร้างวิศวกรที่มีทักษะและมีความรู้ หรือวิศวกรนักนวัตกรรม สนองความต้องการของการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
ตั้งแต่ในยุคล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตก ประเทศญี่ปุ่นได้มีนโยบาย “พัฒนาให้ทันประเทศตะวันตก” ตั้งแต่สมัยพระเจ้าจักรพรรดเมจิของญี่ปุ่น ที่ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 ของไทย จนประสบความสำเร็จเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่ในปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ประมาณ 40,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,200,000 บาท สูงอยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่มประเทศ OECD ญี่ปุ่น จึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประเทศไทยที่เป็นประเทศเอเชียด้วยกัน
หมายเหตุ : KOSENเป็นคำภาษาญี่ปุ่น และได้มีการใช้เป็นภาษาอังกฤษว่า NationalInstitute of Technology หรือแปลเป็นไทยว่า สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ สร้างความสับสนกับคำว่า สถาบันเทคโนโลยี ที่ใช้กันในประเทศไทย จึงใช้คำภาษาไทยของ KOSEN ว่า “สถานศึกษาวิศวกรรมศาสตร์โคเซ็น” จะตรงกับความหมายที่แท้จริงมากกว่า
โกศล เพ็ชร์สุวรรณ์
อดีตอธิการบดี
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี