เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.และ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
นายอนุทิน แถลงว่า สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ถึงวันที่ 26 ม.ค.63 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 ราย ล่าสุด กลับบ้านแล้ว 5 ราย ส่วนอีก 3 ราย ยังนอนโรงพยาบาล ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 84 ราย คัดกรองจากสนามบิน 24 ราย ไปขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 60 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว45 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรับไว้ในห้องแยกโรค 39 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 5-25 ม.ค.63 พบผู้ป่วย 21 ราย ใน 10 ประเทศ ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 25ม.ค. 63 พบผู้ป่วย 1,303 ราย เสียชีวิต41 ราย
"ในวันนี้คณะผู้เชี่ยวชาญ ได้ประกาศผลยืนยันผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเพิ่ม รวมเป็น 8 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 7 ราย และคนไทยที่กลับจากไปเที่ยวเมืองอู่ฮั่น 1 ราย โดยผู้ป่วย 5 ราย หายดี กลับบ้านได้แล้ว อีก 3 ราย ยังนอนพักในห้องแยกความดันลบในโรงพยาบาล ทุกรายอาการดี รอผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) เป็นลบจึงจะให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ยกระดับการเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ป่วยสงสัยๆ จากพื้นที่แพร่ระบาดของโรค ครอบคลุมทั้ง สนามบิน สถานพยาบาลรัฐ เอกชน และในชุมชน ให้โรงแรมที่พักเป็นจุดเฝ้าระวังด้วย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ผู้ป่วยทั้งหมดยังเป็นผู้ป่วยที่เข้ามาจากต่างประเทศ ดังนั้นความร่วมมือประชาชน ผู้ประกอบการทัวร์ โรงแรม ที่พัก ถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้การควบคุมป้องกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ" นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรคว่า จากการตรวจคัดกรอง 5 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองเชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ ได้ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ สะสมตั้งแต่วันที่ 3 - 25 ม.ค.63 จำนวน 21,522 คน และเฉพาะในวันที่ 25 ม.ค.63 ได้คัดกรองเที่ยวบินจากเมืองกวางโจว 11 เที่ยวบินมีผู้เดินทางและลูกเรือ 1,556 คน นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค
"สำหรับประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล เพราะระบบการเฝ้าระวังของไทยเข้มแข็ง มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพ จึงทำให้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการใดๆก็พร้อมจะดำเนินการเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าปลอดภัย ทั้งนี้ จะมอบหมายให้กรมควบคุมโรคแถลงสถานการณ์ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ เพื่อไม่เกิดความสับสน เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการไว้แล้วว่าต้องให้ข้อมูลกับประชาชน ไม่ต้องปิดบัง และต้องเป็นข้อมูลที่ไม่ปรุงแต่ง" นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า นายกๆ เป็นห่วงในเรื่องนี้มาก และขอให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลอย่างเต็มที่ สร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยขอให้คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก ส่วนเรื่องเศรษฐกิจเป็นประเด็นรอง ซึ่งทุกฝ่ายจะทำงานร่วมกัน
ขณะที่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่มีการระบาดของโรคซาร์สซึ่งใช้ระยะเวลา 3 เดือน คาดว่าจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 5 หมื่นล้านบาททั้งนี้ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จึงจะมีการหารือภายในกระทรวงเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อาจจะมีการปรับแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวใหม่ และจะนำประเด็นนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจด้วย
ทางด้าน นพ.สุวรรณชัย กล่าวถึงผู้ป่วยทั้ง 8 ราย ว่า ในจำนวน 8 ราย มีคนจีน 7 ราย เป็นคนไทย 1ราย ทุกคนเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้มี 5 รายสามารถให้กลับบ้านแล้ว ส่วนอีก 3 ราย ยังอยู่ที่โรงพยาบาล โดยรายที่ 6 เป็นหญิงอายุ 33 ปีรักษาตัวที่โรงพยาบาล (รพ.) เอกชน เมื่อวันที่ 22ม.ค. ล่าสุดส่งต่อรักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี ส่วนรายที่ 7 เป็นหญิง อายุ 57 ปี ไป รพ.เอกชน เมื่อวันที่ 23 ม.ค. และแจ้งไปที่กระทรวสาธารณสุขขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.บาราศนราดูร และรายที่ 8 เป็นหญิง อายุ 73 ปี เริ่มรักษาตัวที่โรงพยาบาลใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
"นอกจากนี้ ได้มีการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยทั้ง 8 รายประมาณกว่า 100 คน จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีรายใดป่วย หรือติดเชื้อโรคดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ป่วย ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนตระหนักและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ" นพ.สุวรรณชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี