"เฉลิมชัย"กำชับ"กรมชลประทาน"บริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำเนื่องจากมีกิจกรรมการใช้น้ำหลายภาคส่วน ด้าน"กรมชลประทาน"ระบุเตรียมผันน้ำจากจันทบุรีไปสนับสนุนระยอง ซึ่งมีทั้งอุปโภค-บริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก โดยระบุว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง ด้านการเกษตรที่ จ.ฉะเชิงเทรา 3 อำเภอ โดยในเขตชลประทาน ได้แก่ อ. บ้านโพธิ์ และ อ.แปลงยาว ส่วนนอกเขตชลประทาน คือ ที่ อ.บางปะกง ส่วน จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง แม้ยังไม่ประสบภัยแล้ง แต่ต้องเฝ้าระวังการขาดแคลนน้ำอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ กรมชลประทาน รายงานว่า ร่วมมือกับทุกภาคส่วนดำเนินการระยะเร่งด่วน โดยบริษัท East Water และการประปาส่วนภูมิภาคสนับสนุนน้ำเข้าสู่ในระบบปริมาณกว่า 20 ล้าน ลบ.ม.ด้านสถาบันน้ำและพลังงานเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือจากการนิคมอุตสาหกรรม ลดการใช้น้ำลงร้อยละ 10
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กำชับให้เตรียมมาตรการรองรับวิกฤตขาดแคลนน้ำ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เนื่องจากมีกิจกรรมการใช้น้ำทั้งอุปโภค-บริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว โดยติดตามสภาพภูมิอากาศ ปริมาณฝน และน้ำที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ เพื่อประเมินปริมาณน้ำต้นทุนทุกสัปดาห์ ประชุมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและแก้วิกฤติภัยแล้ง (Warroom) ทุก 15 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์และปรับมาตรการรองรับ พร้อมรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและชลบุรีทราบ
สำหรับระยะยาว กรมชลประทานกำลังจะเริ่มดำเนินโครงการผันน้ำจากพื้นที่ จ.จันทบุรี ไปยังแหล่งกักเก็บน้ำ จ.ระยอง โดยการผันน้ำจากคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ไปยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง ผ่านท่อส่งน้ำระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 9 เครื่อง อัตราการสูบ 5 ลบ.ม.ต่อวินาที ดำเนินการสูบผันน้ำเฉพาะช่วงฤดูฝน โดยมีระยะเวลาการสูบน้ำ 5 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนตุลาคม 63 ปริมาณน้ำประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม.
นอกจากนี้ ยังมีแผนผันน้ำจากโครงการสถานีสูบน้ำชลประทานพานทองเชื่อมต่อระบบท่อผันน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี เพื่อส่งน้ำดิบให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค การเกษตร และอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ทั้งยังลดการเกิดอุทกภัย อ.พานทอง และ อ.พนัสนิคม ได้อีกด้วย หากโครงการแล้วเสร็จจะสามารถสร้างความมั่นคงด้านปริมาณน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ ทั้งยังเป็นการใช้น้ำส่วนเกินในพื้นที่คลองพานทองให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในการสูบผันน้ำ เนื่องจากระยะทางสั้นลง มีน้ำเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรม สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในเขตจังหวัดชลบุรีและเศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศ
ด้าน นายสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การเติมน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง ซึ่งระบบสูบกลับจากคลองสะพาน จะดำเนินการตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 มิ.ย.63 ได้ปริมาณน้ำเพิ่ม 10 ล้าน ลบ.ม.และสูบผันน้ำคลองวังโตนดเติมอ่างฯ ประแสร์ 10 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งในวันที่ 30 มิ.ย.63 จะคงเหลือน้ำรวม 48.9 ล้าน ลบ.ม.ส่วนการเชื่อมเส้นท่อประแสร์ - คลองใหญ่ กับท่อประแสร์ - หนองปลาไหล ขณะนี้บริษัท East Water ช่วยเร่งรัดให้เชื่อมเสร็จและดำเนินการส่งน้ำแล้ว
สำหรับกรณีที่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ไม่สามารถนำน้ำจากอ่างฯ คลองหลวงรัชชโลทร มาใช้ทดแทนน้ำที่ขาดจากอ่างฯ บางพระ ได้นั้น กรมชลประทานจะเร่งขุดลอกคลอง และระบายน้ำจากอ่างฯ คลองหลวง มาที่สถานีสูบพานทอง ระยะทางประมาณ 60 กม.เพื่อมาเก็บในอ่างฯ บางพระ 10 ล้าน ลบ.ม.อีกทั้งบริษัท East water เตรียมสำรองน้ำสระเอกชน เพื่อจ่ายให้ กปภ.ชลบุรี และศรีราชา บางส่วน กปภ.ศรีราชา รับน้ำจากบริษัท East water และจากอ่างหนองค้อ วันละ 30,000 ลบ.ม.และ กปภ.พัทยา ใช้น้ำจากอ่างหนองปลาไหล วันละ 110,000 ลบ.ม.
"ผมยืนยันว่า ในภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี จะมีน้ำใช้เพียงพอจนถึงสิ้นฤดูแล้ง แต่ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามแผนบริหารจัดการน้ำที่วางไว้" นายสุชาติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี