138คนไทยไร้ปัญหา! เฝ้าระวังป้องฟักตัวจนถึง 20 กุมภาพันธ์นี้ ‘อนุทิน’ สั่งตั้งที่ปรึกษามากประสบการณ์วิเคราะห์โคโรนา ยันพร้อมประสานข้อมูล ‘อินโด’ ไม่มีปิดบัง ขณะที่ยอดผู้ป่วยคงที่ 25 ราย หายแล้ว 9 อีก16 อาการดีขึ้น ด้าน ‘แท็กซี่ชายไทย’ รุดขอบคุณหมอหนู ร่วมทานอาหาร
6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ได้รับรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ(แล็บ) คนไทยที่กลับจากอู่ฮั่นที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบทั้ง 138 คนนั้น ไม่มีใครที่มีปัญหา โดยเฉพาะ 4 รายที่มีอาการไข้นั้น วันนี้ผลแล็บออกมาเป็นลบ แปลว่าไม่มีเชื้อไวรัสโคโรนา แต่เนื่องจากระยะฟักตัวของโรค 14 วัน จึงเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนผลการตรวจสุขภาพจิตทุกคนอาการดี ไม่มีความเครียดหรือวิตกกังวลรุนแรงอะไร มีเพียงบางรายที่เป็นผู้ต้องรับยารักษาโรคทางจิตเวชอยู่ก่อนแล้วทีมแพทย์ได้ให้การดูแลอย่างดี
“ล่าสุดผมได้แต่งตั้งแพทย์อดีตผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ที่มีประสบการณ์ในการควบคุมโรคระบาดทั้งไข้หวัดนก ซาร์ส เมอร์ส เพื่อเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยมี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธาน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่ประเทศอินโดนีเซียขอให้ไทยสนับสนุนเรื่องข้อมูลควบคุม ป้องกันโรค รวมถึงเรื่องการรักษาไวรัสโคโรนา ว่า เมื่อใดที่มีการขอข้อมูลมาไม่ว่าระดับหน่วยงานหรือประเทศ ไทยพร้อมให้การสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่มีปิดบัง หมกเม็ด เพราะการให้ข้อมูลอย่างเปิดเผยเป็นผลดีต่อการควบคุมโรคระบาดทุกชนิด ซึ่งประเทศไทยวางมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่สอดคล้องกับสถานการณ์ภายในประเทศ การรักษาก็ดูแลทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างชาติ ตามหลักมนุษยธรรม การเป็นพี่น้องร่วมโลก ที่สำคัญว่าไม่มีการสูญเปล่าจากการรักษาคนเหล่านี้ อย่างน้อยก็เพื่อปิดโอกาสการแพรเชื้อให้คนไทยและคนทั่วโลก และยังทำให้ได้ตรรกะใหม่ทางการแพทย์ หากมีการติดเชื้อในอนาคตก็จะมีแนวทางรักษาที่มากขึ้น
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า เราอยู่กับสถานการณ์ความเป็นจริง วันนี้ที่คนบอกว่าจะต้องเลิกวีซ่าบางประเทศ ไม่ให้เขาเข้าประเทศ ประเทศที่ใช้มาตรการนี้ก็ไม่ได้มีตัวเลขของการติดเชื้อหรือเสียชีวิตน้อยไปกว่าประเทศไทย นี่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ เราไม่เอาเหตุอื่นมาเป็นข้ออ้างให้ประสิทธิภาพการควบคุมโรคของระบบสาธารณสุขไทย จริงๆแล้ว ถ้าไปใช้มาตรการห้ามคนเข้าประเทศระบบการควบคุมอาจจะด้อยลงก็ได้ เพราะไม่มีคนเข้ามาเลยไม่ได้ควบคุมไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริง ในทางเศรษฐกิจเห็นหรือไม่ว่าประเทศจีนขอบคุณประเทศไทยอย่างไร ขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างไร ที่ดูแลรักษาประชาชนของเขาที่มาป่วยในไทย รักษาหายแล้วส่งกลับ สิ่งเหล่านี้จะตอบแทนกลับมาแน่นนอน โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวประเทศไทย เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลจีนจะต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในไทย และอนาคตการประสานงานระหว่างไทย จีนจะมีความแน่นแฟ้น
ด้านนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยคงที่ 25 ราย รักษาหายแล้ว 9 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ 16 ราย ทุกรายอาการดี ส่วนผู้ป่วยชายไทยที่อาการวิกฤต เนื่องจากมีโรควัณโรคร่วมด้วยขณะนี้อาการยังทรงๆ ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ทีมแพทย์ยังให้การดูแลใกล้ชิด
สำหรับตัวเลขผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ 2563 อยู่ที่ 595 ราย กลับบ้านแล้ว 202 ราย ส่วนกรณีหญิงชาวจีนที่เพิ่งคลอดลูกออกมาแล้วทารกมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนานั้น การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกสามารถเกิดขึ้นได้ และเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อใหม่ที่ร่างกายคนเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันโรค สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วยระหว่างไทยกับญี่ปุ่นนั้นทางไทยส่งไปให้แล้ว ส่วนที่เราขอข้อมูลจากประเทศเกาหลีนั้นยังไม่ได้รับกลับมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวแล้วนายอนุทิน ได้เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับแท็กซี่ชายไทยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจนหายดีแล้วที่ห้องทำงานชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และได้เข้าขอบคุณนายอนุทิน ที่คอยเป็นห่วงโทร.มาถามอาการอยู่ตลอด รวมถึงดูแลเรื่องการรักษาเป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี