วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จ. ปทุมธานี นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(เลขาธิการ กอศ.) เป็นประธานพิธี เปิดการประชุมขับเคลื่อนจุดเน้นการเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2563 สายอาชีวศึกษา 50 : 50 สายสามัญ โดยมี ศึกษาธิการภาคทั้ง 4 ภาค ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษาอาชีวศึกษา ทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษา (ผอ.สพป.และ ผอ.สพม.) เข้าร่วมประชุมรับนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีพ ของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
นายณรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันการผลิตผู้เรียนด้านอาชีวศึกษาเพื่อรองรับการจ้างงาน ทั้งภาคธุรกิจบริการ ภาคอตสาหกรรม และภาคการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาชีพที่เป็นความต้องการของตลาดแรงงาน ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-Curve, New S-Curve) ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของสถานประกอบการ สอศ.ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตและพัฒนากำลังคน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้นักเรียนเกิดความสนใจหันมาเรียนสายอาชีพมากยิ่งขึ้น จึงได้กำหนดเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีพ ปีการศึกษา 2563 เป็น สายอาชีวศึกษา 50 : 50 สายสามัญ ทั้งนี้ การที่จะเพิ่มปริมาณผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว จะต้องได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาและประถมศึกษาในการสนับสนุน ส่งเสริม ในการจัดแนะแนวการศึกษาต่อสายอาชีพในรูปแบบ หรือวิธีที่หลากหลาย
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า การเพิ่มผู้เรียนสายอาชีวะ จะต้องอาศัยศึกษาธิการภาคทั้ง 4 ภาค ศึกษาธิการจังหวัด ผู้อำนวยการสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน รวมถึง ผู้อำนวยการ สพป.และ สพม. พูดคุยกัน เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกัน ซึ่งตนได้ย้ำจุดเน้นไปทุกภาคว่า เรากำลังช่วยตอบโจทย์ประเทศชาติ ในการผลิตกำลังคนรองรับการพัฒนาประเทศ ไม่ใช้เป็นการยื้อแย่งเด็กนักเรียนกัน ดังนั้น หน่วยงานที่มีเด็กอยู่ในการดูแลให้ทำงานบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย และขอให้ทุกวิทยาลัยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่มจำนวนผู้เรียน และมีวิธีการที่ใช่ อาจจะมีเทคนิคในการดำเนินการแนะแนวการเข้าศึกษาสายอาชีพที่หลากหลานรูปแบบในแต่ละพื้นที่ แต่ละวิทยาลัย และเมื่อวิทยาลัยต่าง ๆมีจำนวนนักเรียน นักศึกษาเพิ่มมากขึ้น สอศ.และศธ.ก็พร้อมสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้ทุกวิทยาลัยเพื่อจัดการศึกษาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ สาขาที่ไม่ค่อยมีเด็กสนใจมาเรียน เช่น สาขาการเกษตร และสาขาการประมง ทาง สอศ.มีโปรโมชั่นเพื่อลดภาระเด็กที่อยากเรียนต้องได้เรียน โดยจะไม่เก็บค่าหน่วยกิจ สนับสนุนอาหารกลางวันให้ และมีที่พักนอนให้ทุกวิทยาลัย
“จากที่ผมลงไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ พบว่าทุกวิทยาลัย และโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ให้ความร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะ รมว.ศธ.ได้มอบนโยบายผู้บริหารทุกระดับในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมกัน ซึ่งเรียกว่าก็ได้รับการตอบรับที่ดี ขณะนี้ การรับระบบโคต้า หลายสาขา หลายวิทยาลัยรับเต็มแล้ว แต่ก็ต้องรอตัวเลขการรับรอบปกติก่อน ซึ่งช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน นี้จึงจะทราบ แต่ สอศ.ก็มีนโยบายให้ทุกวิทยาลัยเปิดรับตลอด ดังนั้น ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานเข้าไปสมัครเรียนได้ในทุกวิทยาลัย” เลขาธิการ กอศ. กล่าว
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้แต่ละวิทยาลัยมีสาขาเด่นๆให้เลือกเรียนเยอะมาก เพราะถือว่าสาขาที่เปิดใหม่นั้น นอกจากจะเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแล้ว เช่น สาขายานยนต์ หรือ สาขาพลังงานไฟฟ้า พลังงานทดแทน การบิน ระบบราง โดยเฉพาะสาขาที่ผู้ปกครอง และนักเรียนตอบรับดีมาก คือ สาขาการโรงแรม และการท่องเที่ยว สาขาอาหาร เพราะหลังเรียนจบมีงานทำได้เลย และอีกปัจจัยหนึ่ง คือเครื่องแบบหรือยูนิฟอร์มในสาขาต่างๆเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กชื่นชอบและสมัครเรียนในสาขาเหล่านั้นด้วย ซึ่งก็เป็นกลยุทธ์ของทางวิทยาลัยเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเปิดรับสาขาใด เมื่อเรียนจบแล้วผู้เรียนจะต้องมีงานทำอย่างแน่นอน
“การจะพลิกอาชีวะ จะต้องมี ศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา( Excellent Center) ซึ่งในอีกไม่นานนี้ รมว.ศธ. จะประกาศให้ สอศ.มี ศูนย์ Excellent Center ก็จะทราบว่ามีวิทยาลัยไหนโดดเด่นด้านใด รวมถึงนำระบบดิจิทัล และมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของอาชีวะ ส่วนภาพลักษณ์ไม่ดี มีนักดื่ม เกเล ยาเสพติด หรือการตีรันฟันแทงกัน ทางวิทยาลัยจะต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์และพลิกความเชื่อ ก็จะช่วยพลิกนโยบายการเพิ่มผู้เรียนอาชีวะได้” เลขาธิการ กอศ. กล่าวและว่า วันนี้นโยบายของรัฐมนตรี และศธ.ให้น้ำหักมาที่อาชีวะ จึงเป็นโอกาสของวิทยาลัยอาชีวะทั้งของรัฐและเอกชน จึงอยากให้ทุกพื้นที่คุยกันและทำงานร่วมกัน เอื้ออำนวยดูแลกันและกันโดยวิทยาลัยใหญ่ดูวิทยาลัยเล็ก และวิยาลัยรัฐ-เอกชนดูแลกันและกันด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี