ฝุ่นยังพุ่ง “กทม.-ปริมณฑล” เกินมาตรฐานระดับสีส้ม เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 6 จุด ขณะที่ภาคเหนืออ่วม 13 พื้นที่ 8 จว. ภาคกลาง-ตะวันตกรวม 6 จว.เตือนปชช.ลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงาน สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดย คพ.ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตรวจวัด 54 สถานี ช่วงเวลา 10.00 น. ได้ 31– 59 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม ปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้าของเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และพบเกินค่ามาตรฐาน อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พื้นที่สีส้ม 5 สถานี ได้แก่ กรุงเทพฯ ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง 59 มคก./ลบ.ม. แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ 53 มคก./ลบ.ม. แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม 56 มคก./ลบ.ม. แขวงคลองเตย เขตคลองเตย 51 มคก./ลบ.ม. ริมถนนพระราม3 -เจริญกรุง เขตบางคอแหลม 51 มคก./ลบ.ม. และต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 53 มคก./ลบ.ม.
ต่อมาเวลา 12.00 น. คพ.รายงานเพิ่มเติมผลติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ดำเนินการร่วมกับกทม. 56 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 30-59 มคก./ลบ.ม. ปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้า และพบเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พื้นที่สีส้ม 7 สถานี
ขณะที่ผลตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคเหนือ ช่วงเช้า พบปริมาณฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 39 – 67 มคก./ลบ.ม. ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานีคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในระดับสีส้ม 13 พื้นที่ ได้แก่ จ. เชียงราย ต.เวียง อ.เมือง 53 มคก./ลบ.ม. ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย 64 มคก./ลบ.ม. จ.เชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง 53 มคก./ลบ.ม. ต.ศรีภูมิ อ.เมือง 54 มคก./ลบ.ม. จ. ลําปาง ต.พระบาท อ.เมือง 67 มคก./ลบ.ม. ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ 63 มคก./ลบ.ม. ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 60 มคก./ลบ.ม. ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 57 มคก./ลบ.ม. จ.แม่ฮ่องสอน ต.จองคํา อ.เมือง 53 มคก./ลบ.ม. จ.น่าน ต.ในเวียง อ.เมือง 63 มคก./ลบ.ม. จ.แพร่ ต.นาจักร อ.เมือง 67 มคก./ลบ.ม. จ.พะเยา ต.บ้านต๋อม อ.เมือง 65 มคก./ลบ.ม. จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด 57 มคก./ลบ.ม.
ภาคกลางและภาคตะวันตก ฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน 6 พื้นที่ ได้แก่ จ.สระบุรี ต.หน้าพระลา อ.เฉลิมพระเกียรติ 88 มคก./ลบ.ม. ต.ปากเพรียว อ.เมือง 77 มคก./ลบ.ม. จ.พระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา 62 มคก./ลบ.ม. จ.สุพรรณบุรี ต.สนามชัย อ.เมือง 73 มคก./ลบ.ม. จ.นครสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง 60 มคก./ลบ.ม. จ.ราชบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมือง 51 มคก./ลบ.ม. จ.กาญจนบุรี ต.บ้านเหนือ อ.เมือง 77 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี อ.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ 67 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง 55 มคก./ลบ.ม.
ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ คพ. จะรายงานสถานการณ์และแจ้งประสานข้อมูล ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุม กำกับ ดูแล ภารกิจตามมาตรการ “ภายใต้แผนปฏิบัติการ ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ” อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ได้ทางเว็บไซต์ Air4Thai.com แอพพลิเคชั่น Air4Thai และ bangkokairquality.com
วันเดียวกัน ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมายให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “ปลูกเพื่อ ป(ล)อด ล้านต้นลดค่าฝุ่นPM2.5” ภายใต้โครงการ Green City by MOAC จัดโดย กระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้ รมว.เกษตรฯ เป็นประธานพิธีมอบต้นไม้ให้ผู้แทนประชาชนจาก 6 เขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และผู้แทนภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยมี กรุงเทพมหานคร และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อนำต้นไม้ประดับตกแต่งสวนภายในงาน
นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ปัญหาที่ไทยกำลังเผชิญกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐาน และพบในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ การแก้ปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน กระทรวงเกษตรฯจึงร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กรุงเทพมหานคร สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ดำเนินโครงการ “ปลูกเพื่อป(ล)อด ล้านต้น ลด PM2.5” ภายใต้โครงการ Green City by MOAC ขึ้น เพื่อเป็นการลดผลกระทบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐานในกทม.และพื้นที่อื่นทั่วประเทศ สร้างภูมิต้านทานระยะยาว ซึ่งจะนำร่องดำเนินการในกรุงเทพมหานคร และขยายผลไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.พ. 63 เป็นต้นไป จะแจกต้นกล้าที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดซับฝุ่น PM2.5 พร้อมกับคู่มือการดูแลต้นกล้าในรูปแบบออนไลน์ นอกจากนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จะร่วมมือกันในการแจกจ่ายต้นกล้าล้านต้นให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดช่องทางการแจกจ่ายต้นไม้ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ www.green-city.online เพื่อขอรับต้นกล้าได้คนละ 5 คน โดยระบุสำนักงานเขตที่สะดวกเดินทางไปรับ ซึ่งมีต้นกล้ารวมทั้งสิ้นจำนวน 6 ชนิด ได้แก่ กระดุมทอง ไม้ตระกูลคล้า (คล้าหางนกยูง) ไม้ตระกูลว่าน (เศรษฐีเรือนใน) ไม้ตระกูลเฟิน (เฟินขนนก เฟินเจ้าฟ้า) ไม้เลื้อย (ตีนตุ๊กแก) และต้นสนไซเปรส เตรียมแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ ทั้งบริเวณในและนอกบ้าน สถานที่ทำงาน ริมถนน และสวนสาธารณะ เพื่อเป็นการลดผลกระทบปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในปีหน้าและปีต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ประชาชนที่นำต้นไปปลูกนั้นต้องช่วยกันดูแลรักษาต้นกล้าในระยะยาว ให้เจริญเติบโตเพื่อความยั่งยืนในการสร้างพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ โดยมีการติดตามส่งเสริมการขยายผลโครงการระยะยาว โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับติดตามและขับเคลื่อนโครงการ
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลกังวล และเป็นห่วงสถานการณ์ปัญหาฝุ่น pm 2.5 โดยมีมาตรการที่กำลังดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงโครงการปลูกเพื่อป(ล)อด ที่ดำเนินการวันนี้ จะขยายผลไปสู่เมืองใหญ่ทุกภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหามลภาวะอย่างยั่งยืน ขอยืนยันว่าโครงการนี้จะดำเนินการต่อเนื่อง มีคณะกรรมการติดตาม เชื่อว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันจะผ่านวิกฤติไปได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี