ตำรวจประสานงานทุกฝ่าย บุกทลายแก๊งอุ้มบุญ จับ 2 ผัวเมียชาวจีน โต้โผใหญ่ร่วมนายหน้าไทย พร้อมช่วย 2 ทารกได้หวุดหวิดก่อนถูกส่งไปจีน ตามยึดทรัพย์สินได้กว่า 100 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (บก.ตร.มหด.รอ.904) พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก.พร้อม พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ผผบก.ปคม.),พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผบก.ตร.มหด.รอ.904,พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์,พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.อัครเดช เกตุเอี่ยม ผกก.4 บก.ปคม.,พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สส.บก.น.5,พ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.สส.บก.น.5 และ พ.ต.ต.พัฒน์ชพล มีนวลสิน สว.กก.2 บก.ปคม. แถลงผลภายหลังร่วมกันสนธิกำลังปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มนายทุนชาวจีนและนายหน้าชาวไทย ที่ได้ว่าจ้างหญิงไทยให้มารับจ้างอุ้มบุญ
โดยได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและบริษัทต่าง ๆ ที่เปิดไว้บังหน้า และสถานที่พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 10 แห่ง พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนและไทยได้ 9 ราย ประกอบด้วย นายเจ้า หราน(Mr.Ran zhao) อายุ 37 ปี นายจ้างเจ้าของทุน ,นางซู ยิง ถิง (Miss.Su Yingting) อายุ 48 ปี เป็นสองสามีภรรยาชาวจีน,นางวิลาสินี ซู อายุ 50 ปี,น.ส.หล้า ขันติโย อายุ 43 ปี,นายนิคม สิมารัตน์ อายุ 48 ปี,นายธรรมนูญ หรือต๋อง ปัญจสังคม อายุ 40 ปี,น.ส.ศิญาพร หรือแขก สวัสดิ์พันธ์ อายุ 30 ปี,น.ส.วิยะดา หรือหนิง เชื้อจันทร์ อายุ 35 ปี และนางสายบัว แจ่มมี อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 36-43 และ 45/2563 ลง 16 มกราคม 2563 ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทาผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า และโฆษณาหรือไขข่าวให้แพร่หลายด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์แทนฯ ไม่ว่าจะได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่”
พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจได้รับเบาะแสมีขบวนการรับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยผิดกฎหมายรายใหญ่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 และมีผู้ต้องสงสัยเดินทางเข้าออกประเทศตลอดช่วงต้นปี 2563 เมื่อสืบสวนเชิงลึก พบว่ามีกลุ่มนายทุนชาวจีนเป็นหัวหน้าขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ ได้ว่าจ้างกลุ่มนายหน้าซึ่งเป็นคนไทยให้ติดต่อชักชวนหญิงไทยที่เคยอุ้มบุญ มารับจ้างตั้งครรภ์ โดยจะได้รับค่าจ้าง 300,000–450,000 บาท ต่อครั้งโดยแบ่งจ่าย จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะแบ่งหน้าที่ นำพาแม่อุ้มบุญไปปลูกฝังตัวอ่อนที่คลินิกในประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ก่อนจะพามาฝากครรภ์และคลอดบุตรที่โรงพยาบาลในประเทศไทย แต่บางครั้ง จะพาแม่อุ้มบุญไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน พร้อมดำเนินการเรื่องเอกสารทำคลอด ทั้งยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นจะพาเด็กอุ้มบุญไปส่งให้กับผู้รับเลี้ยงดูที่ประเทศจีน แม่ที่อุ้มบุญจึงจะได้รับค่าตอบแทน ก่อนรอเวลาประมาณ 1 เดือนจึงกลับเข้าไทย
นอกจากนี้ ยังพบว่าขบวนการนี้ได้เปิดบริษัทบังหน้าเพื่อปกปิด และดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยพบข้อมูลแม่อุ้มบุญกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 100 ราย ส่งออกเด็กอุ้มบุญไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ราย ผลการปฏิบัติการ ยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดอีกหลายรายการ แบ่งเป็นรถยนต์ 16 คัน มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท มีบ้านพักและบริษัทของผู้ต้องหาในย่านลาดพร้าวอีก 2 หลัง มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ อีกนับ 100 ล้านบาท
พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เชิญแม่อุ้มบุญชาวไทยมาสอบปากคำรวมทั้งหมด 15 ราย จากทั้งหมด 22 ราย ในที่นี้กันไว้เป็นพยาน 7 ราย พร้อมให้การช่วยเหลือเด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญอีก 2 คน รายหนึ่งมีอายุ 4 เดือน อีกรายอายุ 22 วัน จากนี้จะประสานทางการจีนเพื่อร่วมกันขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมทั้งหมดมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีกรายนั้นอยู่ต่างประเทศ ก็จะดำเนินการจับกุมต่อไป
ด้านนายธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สบส.ทำหน้าที่กำกับดูแลสถานพยาบาลที่ขออนุญาตที่รับดำเนินการอุ้มบุญที่มีทั้งหมด 94 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในคดีนี้ พบว่ามีสถานพยาบาลที่มีความเกี่ยวข้อง 9 แห่ง มีทั้งโรงพยาบาลและคลีนิก ก็จะตรวจสอบขยายผลและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในการอุ้มบุญยังมีข้อกำหนดให้ผู้เป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือชาวต่างชาติที่มีคู่สมรสชาวไทยและจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 3 ปี สามารถมาขอมีบุตรด้วยการอุ้มบุญได้ โดยต้องทำกับสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต และต้องเป็นหมอที่ได้รับอนุญาตจากแพทย์สภาเป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็มีข้อห้ามในการอุ้มบุญหลายประการ คือห้ามเลือกเพศของเด็ก ห้ามซื้อขายนำเข้าเซลล์ไข่กับอสุจิ และห้ามโฆษณา และรับจ้างตั้งท้อง ที่สำคัญ ห้ามปฏิเสธการรับเลี้ยงเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญโดยการจับกุมครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา ที่ทำให้เด็กบางส่วนยังไม่ถูกนำตัวส่งไปจีนเนื่องจากมาตรการสั่งปิดเมืองที่เข้มงวด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี