ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำการเกษตรในวงกว้าง ซึ่งจากการสำรวจของกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่า ฤดูแล้งปีการผลิต 2562/63 เป็นปีที่มีน้ำน้อย แผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งตามศักยภาพน้ำ จำนวน 7.21 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 52 ของปีที่ผ่านมา (จำนวน 13.95 ล้านไร่)ส่งผลให้หลายพื้นที่ไม่ได้เพาะปลูกพืช และทำให้เกษตรกรขาดรายได้ในช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับบางพื้นที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ รวมถึงการเกิดน้ำเค็มรุกพื้นที่พืชสวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้แก่พืชได้ นายอาชว์ชัยชาญเลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร จึงออกมาแจ้งเตือนให้เกษตรกรปรับตัวรับมืออย่างต่อเนื่อง และได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอเร่งดำเนินการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารในทุกด้าน โดยกำหนด 8 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์ฤดูแล้ง ปี 2562/63 ประกอบด้วย
1. การเฝ้าระวังน้ำเค็มรุกพื้นที่พืชสวน 9 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ราชบุรี และฉะเชิงเทรา ดำเนินการช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 โดยสำรวจพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนข่าวสาร สถานการณ์แล้ง การขาดแคลนน้ำเยี่ยมเยียน ติดตามให้คำแนะนำทางวิชาการในการดูแลรักษาสวน การให้น้ำ ลดการใช้ปุ๋ย เพื่อป้องกันความเค็มสร้างความเสียหายแก่พืช แนะนำให้เกษตรกรรักษาความชื้นในแปลง เช่น ลอกดินเลนในร่องสวนมาปิดบนแปลงหรือโคนต้น การใช้วัสดุคลุมดินช่วยให้ประหยัดน้ำ และการตัดแต่งกิ่ง เป็นต้น 2. การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “เกษตรร่วมใจรับมือภัยแล้ง ปี 2563” ดำเนินการช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 ใน 77 จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในทุกด้านเพื่อรับมือภัยแล้ง
3.โครงการบูรณาการกิจกรรมและความร่วมมือในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำนอกเขตชลประทานเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้แก่เกษตรกร ดำเนินการช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 ใน 77 จังหวัด เป็นการบูรณาการโครงการ/กิจกรรม ปี 2563 ในรูปแบบการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรมีอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง เช่น หัตถกรรม การแปรรูปผลผลิตเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชน การอบรมให้ความรู้การปรับตัวในภาวะแล้ง และพิจารณาต่อยอดโครงการตามความต้องการของชุมชนเดิม เป็นต้น ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่พืชฤดูแล้งที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำนอกเขตชลประทาน 20 จังหวัด พื้นที่ไม้ผลนอกเขตชลประทานที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร 30 จังหวัด และพื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ จะมีการแจ้งเตือนเกษตรกรให้ทราบสถานการณ์ การติดตามเยี่ยมเยียน และแนะนำข้อควรปฏิบัติให้แก่เกษตรกร ได้แก่การไม่ปลูกพืชฤดูแล้งเกินแผน การใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่าคำแนะนำการดูแลรักษาสวนไม้ผล เช่น การใช้วิธีเขตกรรม รวมทั้งประสานการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่จะให้การสนับสนุนแหล่งน้ำ
4. โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรังปี 2563 ดำเนินการช่วงเดือน พ.ย. 2562-พ.ค. 2563 ใน 24 จังหวัด โดยส่งเสริมและขยายผลพื้นที่การปลูกพืชหลากหลายและใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้งทดแทนการทำนาปรัง และเชื่อมโยงกับระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ สนับสนุนการเชื่อมโยงตลาด จัดทำแปลงเรียนรู้ พัฒนาความรู้เจ้าหน้าที่และเกษตรกร 5.โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟูเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562) ดำเนินการใน 39 จังหวัด เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยสร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยและดำเนินการในช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 โดยสนับสนุนเป็นเงินเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ ซึ่ง ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรสำหรับการปลูกพืช ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกษตรกร 100,000 ครัวเรือน พื้นที่ 1 ล้านไร่ อัตราไร่ละ 245 บาทและถั่วเขียว เกษตรกร 50,000 ครัวเรือน พื้นที่ 0.4 ล้านไร่ อัตราไร่ละ 200 บาท
6. โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ปี 2562/63 ดำเนินการช่วงเดือน ธ.ค. 2562-พ.ค. 2563 ใน 27 จังหวัด โดยส่งเสริมความรู้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาอย่างถูกต้องให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 เชื่อมโยงการตลาดเครือข่ายผู้รับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ให้เกิดการกระจายการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงฤดูแล้งเพื่อนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์เพิ่มมากขึ้นทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ 7.การถ่ายทอดความรู้และการจัดวันสาธิตในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
(ศพก.) ดำเนินการช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. 2563 ใน 77 จังหวัด เป็นการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ให้กับเกษตรกรในพื้นที่แล้งทั่วประเทศครอบคลุม 882 ศพก.โดยปรับหลักสูตร ปรับรูปแบบกิจกรรม เพิ่มองค์ความรู้และเนื้อหาจากเดิมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยแล้ง เช่น การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าการดูแลรักษาพืชด้วยวิธีเขตกรรม การประกอบอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้ในช่วงฤดูแล้ง (แปรรูป, หัตถกรรม) เป็นต้น
8. โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ดำเนินการช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2563 ใน 77 จังหวัด โดยบูรณาการหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปให้บริการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ณ จุดที่มีปัญหาและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งจะจัดเจ้าหน้าที่ องค์ความรู้ เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์เข้าไปในพื้นที่และประชาสัมพันธ์นัดหมายเกษตรกรมารับบริการ โดยปรับรูปแบบการให้บริการเข้าไปแก้ปัญหาเน้นหนักการรับมือกับสถานการณ์แล้ง และวิธีการปรับตัว รวมทั้งความช่วยเหลือต่างๆ เช่น เทคนิคการใช้น้ำอย่างประหยัด ช่องทางการขอรับความช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การรักษาความชื้นในแปลง การป้องกันกำจัดศัตรูพืชในช่วงฤดูแล้ง หน่วยงานภาครัฐออกมาแจ้งเตือนและวางแนวทางรับมือไว้แล้ว หากเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือแจ้งขอรับการช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านได้เลยครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี