สธ.จ่อเสนอยกระดับโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย เข้าที่ประชุมคณะกก.โรคติดต่อวันจันทร์นี้ เผยเตรียมรองรับสถานการณ์อีก 2 เดือนจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่ากรณีมีข้อกังวลของผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยจะถูกกักตัว14วันหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่มีประกาศหรือนโยบายกักตัวผู้โดยสารหรือห้ามการเดินทางไปพื้นที่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ยังคงเข้มการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค ทั้งผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ทุกคนจะผ่านการคัดกรองที่สนามบิน โดยในรายผู้ที่ตรวจพบว่ามีไข้ ไอ มีน้ำมูก หรือมีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค ที่ด่านควบคุมโรคจะถูกส่งตัวไปตรวจเพิ่มที่โรง พยาบาล แต่ในส่วนผู้ที่ไม่มีไข้ ไอ น้ำมูก อาการไม่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคจะไม่ถูกรับตัวไว้ในโรงพยาบาล สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ขอแนะนำให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง ถ้าป่วยมีไข้ ไอ มีน้ำมูก ให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
ต่อข้อถามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทยเตรียมพร้อมประกาศภาวะฉุกเฉินโรคติดต่อร้ายแรงซึ่งมีสัญญาณว่าอีก2 เดือนสถานการณ์น่าเป็นห่วงนั้น นพ.โสภณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีประกาศโรคติดต่ออันตรายในพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ไปแล้ว 13 โรค ส่วนกระบวนประกาศเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)เป็นโรคติดต่ออันตรายนั้น ขณะนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการด้านวิชาการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และอยู่ระหว่างการทำร่างประกาศเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อในการประชุมวันจันทร์นี้(24 ก.พ.)ที่มีรมว.สาธารณสุข เป็นประธานฯ ซึ่งมีคณะกรรมการ30 ท่าน คาดว่าจากการรวบรวมข้อมูล 1 เดือน มีความชัดเจนเป็นไปได้ที่จะประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)เป็นโรคติดต่ออันตราย
ส่วนผลการดำเนินการที่จะตามมานั้น นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า จะทำให้การบริหารจัดการโรคนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการอย่างเข้มข้นอยู่แล้วแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยน้อยการเฝ้าระวัง สอบสอนโรคไม่ยุ่งยาก แต่หากอีก 2 เดือนมีความเป็นไปได้ที่อาจจำนวนผู้ป่วยมาก ก็จำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายบังคับใช้ในกรณีที่มีผู้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพราะเดิมมีผู้ป่วยติดเชื้อจากประเทศเดียวในไทย แต่ในอนาคตอาจมีผู้ป่วยจากหลายชาติและจำนวนมากหลากหลาย อย่างกรณีประเทศสิงคโปร์ก็มีกฏหมายกำหนดให้พักในบ้าน14 วันไม่ออกไปไหนกรณีกลับจากบางประเทศ
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หากมีการประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตรายแล้ว จะมีผลตามมาเรื่องการรอนสิทธิ การลงโทษตามมา และต้องเข้าสู่มาตรการควบคุมเฝ้าระวังเพื่อให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ สำหรับการพิจารณาว่าโรคใดเข้าข่ายโรคติดต่ออันตรายนั้น ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโรคประกาศเกณฑ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุข 4 ข้อ คือ 1.เป็นโรคที่ไม่คาดคิดว่าจะการติดเชื้อจำนวนมากระหว่างคน 2.ความรุนแรงจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตสูง 3.การแพร่ระบาดข้ามประเทศ 4.การจำกัดการเดินทาง- การค้า
ด้านนายแพทย์โสภณ กล่าวว่า “ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเมื่อเดือนที่แล้ว ระยะแรกไม่ติดต่อจากจากคน แต่ขณะนี้ข้อมูลครบถ้วนและได้มีการชั่งน้ำหนักประโยชน์ ข้อดี ข้อเสียแล้ว โดยหลายประเทศยกระดับความสำคัญของโรคนี้สูงกว่าระดับโรคติดต่อทั่วไปมาก่อนหน้าประเทศไทยแล้ว”
สถานการณ์ประเทศไทยวันนี้(20 ก.พ.)มีผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงที่จำนวน 35 ราย กลับบ้านแล้ว 17 ราย นอนรักษาที่โรงพยาบาล 18 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 2 ราย ที่สถาบันบำราศนราดูรนั้น รายที่ 1 ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด ในวันนี้ อาการดี ทำตามคำสั่งได้ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้ผลลบ รายที่ 2 ที่ติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วยอาการคงที่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อทั้ง 2 คน ได้รับยาต้านไวรัส Favipiravir ครบ 5 วันแล้ว
ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,052 ราย แยกเป็นคัดกรองจากสนามบิน 58 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 994 ราย และได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 861 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 191 ราย
นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 28 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2563 (09.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 75,725 ราย เสียชีวิต 2,126 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 74,577 ราย เสียชีวิต 2,118 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี