นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันประจำปี 2563 ของ 9 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมเน้นย้ำข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีต่อประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน โดยที่ประชุม ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงและผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้แทนจาก 9 จังหวัดภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานส่วนกลางและระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 200 คน
รมว.ทส. ได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้เข้มงวดดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างเต็มกำลังความสามารถ และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทุ่มสรรพกำลังและทรัพยากร เพื่อหยุดการเผา และควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานนับจากนี้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2563 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเคร่งครัดดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และข้อสั่งการของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 อาทิ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยหลัก บูรณาการสั่งการโดยผู้ว่าราชการจังหวัด หากฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้ประกาศห้ามเผาโดยทันที ให้นายอำเภอ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ถึงระดับตำบล โดยเฉพาะตำบลเสี่ยงเผา ให้กระทรวงกลาโหม สนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างเต็มที่ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งเปลี่ยนพื้นที่เกษตรทั้งหมดใน9 จังหวัดภาคเหนือ ไปสู่การเป็นเกษตรปลอดการเผา ภายใน 3 ปี
สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ขอให้ลดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าให้เป็นศูนย์ ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2563 พร้อมระดมสรรพกำลัง อุปกรณ์เครื่องมือจากนอกพื้นที่ มาเสริมการลาดตระเวน เฝ้าระวังและดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้ และให้เข้มงวดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ รมว.ทส. เดินทางไปยังจุดสกัดป้องกันไฟป่าดอยพระบาท บริเวณอ่างเก็บน้ำวังเฮือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ตรวจเยี่ยมและปล่อยแถวกำลังพล พร้อมมอบถุงยังชีพ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ จิตอาสา และเครือข่ายภาคประชาชน ที่ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันและดับไฟป่า เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและขอให้ทุกคนเดินหน้าช่วยกันป้องกันและดับไฟป่าอย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยขยายผลสร้างการรับรู้สร้างแนวร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้อันมีค่าให้คงอยู่ถึงลูกหลาน
ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) พื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จะเริ่มดีขึ้นกว่าเดือนมกราคม 2563 แต่หากเทียบกับสถิติเมื่อปี 2562 ซึ่งเกิดสถานการณ์ระดับรุนแรงที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ทำให้สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับจากการติดตามสถานการณ์ไฟป่าผ่านดาวเทียมระบบ VIIRS พบจุดสะสมความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือถึง 19,364 แห่ง มากกว่าปี 2562 ที่ตรวจสอบพบ 10,449 แห่ง หรือมากขึ้นเกือบ 1 เท่าตัวโดย จ.ตาก พบ 4,213 แห่ง จ.เชียงใหม่ 3,541 แห่ง จ.ลำปาง 3,098 แห่ง จ.แม่ฮ่องสอน 2,151 แห่ง จ.ลำพูน 1,728 แห่ง จ.น่าน 1,624 แห่ง จ.แพร่ 1,412 แห่ง จ.พะเยา 828 แห่ง และ จ.เชียงราย 769 แห่ง
รมว.ทส. จึงเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดเร่งขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร อุปกรณ์ และเครื่องมือ เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการลาดตระเวนเฝ้าระวังไฟป่า รวมทั้งให้การแก้ปัญหามลพิษและฝุ่นละอองในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี