เมื่อเร็วๆ นี้ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) จัดประชุมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การประเมินสถานการณ์และการเตรียมการรับมือภาวะฉุกเฉิน” ถอดบทเรียนจากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าใน จ.นครราชสีมา เพื่อนำความรู้มาใช้เป็นแนวทางช่วยเหลือป้องกันและรับมือทั้งเหตุร้ายตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย
นายธเนศ วีระศิริ นายก วสท. กล่าวว่า การประชุมหารือได้สรุปอุปสรรคของการแก้ปัญหาการก่อเหตุร้ายกราดยิงที่โคราช ได้แก่ อาคารสถานที่เกิดเหตุจริงมีความซับซ้อน ยากต่อการวิเคราะห์และวางแผนปฏิบัติการ ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความล่าช้าและมีความเสี่ยงสูง, แผนผังอาคารไม่มีการอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากห้างสรรพสินค้ามีการบริหารจัดการและปรับแต่งพื้นที่อยู่ตลอดเวลา,
การเก็บแผนผังของอาคารในรูปแบบเอกสารไม่ใช่ดิจิทัล หรือ 3Dทำให้ขาดมิติในการมองเห็นและทิศทางภายใน-ภายนอกอาคารที่เป็นจริง, แผนผังอาคารแสดงเส้นทางในส่วนพื้นที่สาธารณะทั่วไป เสี่ยงที่ผู้ก่อเหตุร้ายจะใช้เป็นจุดลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้ที่กำลังอพยพออกนอกอาคารได้, ขาดข้อมูลวัสดุโครงสร้างภายในอาคาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นจุดกำบังเมื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่
รศ.เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษา วสท. กล่าวว่า ในทางปฏิบัติ แบบที่เจ้าของอาคารใช้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จะแตกต่างจากรายละเอียดแบบแปลนตามสร้าง (As-Built Drawings) จึงทำให้การวิเคราะห์วางแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำได้ล่าช้า ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงเมื่อเดือน เม.ย. 2561 ระบุให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในงานก่อสร้างอาคารต้องจัดทำรายละเอียดแบบแปลนตามสร้างและเก็บไว้ที่สำนักงานท้องถิ่นหรือสำนักงานเขตในพื้นที่ ซึ่งจะมีรายละเอียดซับซ้อนมาก เช่น การแสดงผังเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคาร, แผนผังห้องควบคุมอาคาร เป็นต้น
ในที่ประชุมได้สรุปข้อเสนอแนะไว้ดังนี้ 1.ผลักดันให้เป็นกฎหมายบังคับใช้กับอาคาร เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล “แผนผังอาคารเพื่อความปลอดภัย” สำหรับใช้ในการกู้วิกฤติเหตุร้าย และความจำเป็นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เช่น แผนผังที่แสดงทางเข้าออกอาคารเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ การวางยุทธวิธีการเข้าช่วยเหลือหรืออพยพผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในอาคารให้ออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะมีความแตกต่างจากแผนผังอื่นๆ ที่แสดงตามที่สาธารณะทั่วไป
2.ควรจัดทำมาตรฐานและแนวทางการปฏิบัติตนเมื่อมีการก่อเหตุร้าย โดยทาง วสท. จะดำเนินการจัดทำมาตรฐานการจัดการจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าร่างมาตรฐานฉบับนี้จะแล้วเสร็จปลายปี 2563 ก่อนเสนอให้คณะกรรมการควบคุมอาคารพิจารณาผลักดันให้กระทรวงมหาดไทยออกเป็นกฎกระทรวงบังคับใช้ต่อไป 3.รัฐบาลควรสนับสนุนการใช้ข้อมูลออกแบบจำลองอาคารดิจิทัล หรือ เทคโนโลยี BIM (Building Information Model) ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งก่อน-ระหว่าง-และหลังการสร้างอาคารเสร็จ
ทำให้ทราบโครงสร้างและเส้นทางภายในอาคาร 3 มิติ จนถึงวัสดุ ซึ่งสามารถนำมาใช้วางแผน, การกู้ภัยพิบัติ รวมถึงการผจญภัยกับเหตุร้ายให้แก่องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยแก่ผู้มาใช้อาคารและสาธารณชน หากดำเนินการได้ตามมาตรฐานที่วางไว้แล้ว จะช่วยให้ผู้ที่เข้าระงับเหตุร้ายต่าง ๆ มีความปลอดภัย สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ BIM จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะทำให้นโยบายของรัฐบาลในการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) เป็นจริงอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย
4.ควรเผยแพร่ความรู้ให้เกิดการรับรู้ร่วมกันในวิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุร้ายแก่ประชาชน และ 5.ส่งเสริมการใช้หลักการทางวิศวกรรมมาจัดการบริหารการก่อเหตุร้ายและภัยพิบัติตามแนวทางมาตรฐานสากล NFPA (National Fire Protection Association) เนื่องจากทำให้สามารถควบคุมและแก้ไขสถานการณ์และจำกัดความสูญเสียได้ดีและมีประสิทธิภาพมากกว่า
โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การวางแผน (Plan) วางแผนโดยใช้ข้อมูลลักษณะอาคาร แผนผังอาคาร หรือพื้นที่โดยรอบอาคาร ให้สอดคล้องกับเหตุร้ายหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การกั้นพื้นที่สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ พื้นที่ฝ่ายงานสนับสนุน พื้นที่สำหรับสื่อมวลชน เป็นต้น, การตอบสนองต่อเหตุการณ์(Response) ได้แก่ Run-Hide – Fight เมื่อเกิดเหตุก่อการร้ายให้ผู้ประสบเหตุหนีก่อน
หากประเมินว่าการหนีมีความเสี่ยงให้ซ่อนตัว แต่ถ้าไม่ได้ผลจึงให้สู้, อบรมให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องทราบถึงวิธีการปฐมพยาบาลและการห้ามเลือดเบื้องต้น, การจัดเตรียมสถานพยาบาลรองรับผู้ประสบภัย รวมถึงการบริหารการเข้าออกของรถพยาบาล, ส่วนการฟื้นฟูเยียวยา (Recovery) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การช่วยเหลือดูแลผู้ประสบภัย การเปิดรับบริจาค การฟื้นฟูบำบัดจิตใจของผู้ประสบภัย เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี