“เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer)” เป็นแนวคิดการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมโดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุนรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยที่ประชากรราว 10 ล้านคนเป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรม รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อการยกระดับเกษตรกรไทยตามแนวทางเกษตรอัจฉริยะเพื่อให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ในบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป
“CAT” บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมของไทย เป็นอีกภาคส่วนที่ร่วมสงเสริมแนวทางเกษตรอัจฉริยะ โดยเลือกใช้“โรงเรียน” เป็นพื้นที่ต้นแบบ ด้วยความที่โรงเรียนมักเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ไม่เพียงแต่ครูและนักเรียนเท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้ปกครองด้วย อาทิ โรงเรียนมัธยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
รร.มัธยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่นอกจากสอนวิชาการตามหลักสูตรมาตรฐานแล้วยังเสริมด้วยความรู้ที่หลากหลายให้นักเรียนได้เลือกพัฒนาตนเองตามความสนใจ หนึ่งในนั้นคือด้านการเกษตรที่มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับฝึกปฏิบัติจริง กสท จึงเลือกที่นี่ให้เข้าร่วมโครงการ “CAT เพาะพันธุ์ดี” นำเทคโนโลยี “อินเตอร์เนตของทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things-IoT)” เข้ามาเผยแพร่ให้ครูและนักเรียนได้ทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแปลงเกษตรแบบเดิมให้เป็น “แปลงเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm)” ด้วยการติดตั้ง
อุปกรณ์ต่างๆ
เช่น ระบบรดน้ำอัตโนมัติ ระบบควบคุมอุณหภูมิ/ความชื้นในดินและอากาศ ซึ่งสามารถควบคุมระบบผ่านแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้กับแปลงผักที่นำมาทำอาหารกลางวันให้นักเรียน มีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำผลมาวิเคราะห์ความเหมาะสมในการปลูกพืชแต่ละชนิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณของผลผลิตได้ในการเพาะปลูกครั้งถัดไป
วาสนา พรศิวกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เล่าว่า ทั้งครูและนักเรียนรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบรดน้ำอัตโนมัติที่ช่วยควบคุมให้ไม่เปลืองน้ำและรดได้ตรงจุดที่ต้องการเพราะเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งนอกเหนือจากความภูมิใจที่ได้รับประทานผลผลิตจากฝีมือตนเองแล้วยังสามารถนำไปขายและมีรายได้เพิ่มด้วย “โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมากนักสำหรับโรงเรียน เพราะครูเอง
ก็ไม่มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี” แต่ก็อยากให้นักเรียนได้เรียนรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้คืออนาคตที่จะเข้ามาช่วยพวกเขาได้
เช่นเดียวกับตัวแทนนักเรียน ณัฐวัตร เทินสะเกช นักเรียนชั้น ม.2/2 กับ สุนิสา ทิขุนทด นักเรียนชั้น ม.4/1กล่าวว่า หลังทดลองใช้งาน IoT พบเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก อีกทั้งใช้งานง่ายเพราะควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ช่วยให้กำหนดการทำงานได้เป็นระบบตามที่ต้องการ อาทิ ไม่ต้องเดินรดน้ำหลายรอบเหมือนการดูแลแปลงผักแบบเดิม ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพดีกว่าเดิม เป็นต้น
ขณะที่ ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา กล่าวขอบคุณ กสท ที่เลือกพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นต้นแบบโครงการ เนื่องจากนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ มีประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมจำนวนมาก การมีต้นแบบให้ได้เรียนรู้ภายในพื้นที่จะสะดวกต่อการขยายผลได้ทั้งในชุมชนและต่อไปยังบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เด็กนักเรียนก็จะนำไปบอกผู้ปกครองให้ทราบด้วย
“อยากให้ กสท ขยายเพิ่มเติมไปยังโรงเรียนอีก 8-10 โรงเรียนตามที่เราแบ่งไว้เป็น 6 กลุ่ม เพื่อเป็นตัวอย่างให้โรงเรียนทั้ง 58 แห่งได้ศึกษาเรียนรู้ เพราะได้เห็นแล้วว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างเหมาะสมนั้นช่วยให้ประชาชนสะดวกขึ้น ลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ้างแรงงาน สามารถควบคุมการรดน้ำ การให้ปุ๋ย พืชผลที่ออกมามีคุณภาพดีขึ้นชัดเจน ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้และจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายก อบจ.นครราชสีมา ระบุ
ด้าน พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กสท ดำเนินโครงการดังกล่าวในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลและให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลของประเทศ ซึ่งการเลือกพื้นที่โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้แนวทางเกษตรอัจฉริยะ เพื่อให้นักเรียนได้ใกล้ชิดและเข้าใจเทคโนโลยีในการนำมาใช้ เพราะบทบาทสำคัญของ กสท ประการหนึ่งก็คือการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมากขึ้น
“การนำความรู้เข้าสู่โรงเรียนจะช่วยขยายผลถ่ายทอดต่อไปยังชุมชนได้อีกทางหนึ่ง โดยโครงการนี้ได้ดำเนินการให้แก่โรงเรียนต้นแบบในทุกภาครวมจำนวน7 แห่ง ตั้งแต่ปี 2562 และจะขยายต่อไปอีก เรื่อยๆ รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ขณะเดียวกันเราก็ยังคอยกลับมาดูแลโรงเรียนที่ดำเนินการไปแล้วให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง” พ.อ.สรรพชัย กล่าว
พ.อ.สรรพชัย ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคต กสท ตั้งใจว่าจะพัฒนาให้เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ไม่ต้องใช้คนดูแล เพียงระบุชนิดของพืชที่ปลูกระบบก็สามารถควบคุมและสั่งการในการดูแลอย่างเหมาะสมได้เอง และหวังว่าโครงการ CAT เพาะพันธุ์ดี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคการเกษตรของประเทศมีความก้าวหน้าและยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี IoT
การดำเนินโครงการ “CAT เพาะพันธุ์ดี” จึงไม่เพียงก่อให้เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้ แต่ยังสัมผัสได้ถึงการนำมาซึ่งความหวังทั้งของอาจารย์และนักเรียนในโรงเรียนต้นแบบที่เข้าโครงการด้วย!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี