กองปราบปรามบุกรวบสองผัวเมียย่านตลาดเลาขวัญ อ.เมืองนนทบุรี อ้างตัวจิตอาสาเพื่อเด็กและสังคม ตุ๋นรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง เหยื่อหลงเชื่อสูญเฉียดครึ่งล้าน สารภาพสิ้นหาเงินใช้หนี้นอกระบบ
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) สั่งการให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป.,พ.ต.ต.จักรี กันธิยะ สว.กก.4 บก.ป.และตำรวจ กก.4 บก.ป.ร่วมจับกุม นายสำรอง (สงวนนามสกุล) อายุ 41ปีและน.ส.วิไลลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 5-6/2563 ลงวันที่ 23มกราคม2563 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่าน ตำบลตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 7มีนาคม2563
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกคาง, มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองบังคับการปราบปรามว่าถูกนายสำรองและ น.ส.วิไลลักษณ์ หลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของนายสำรองและ น.ส.วิไลลักษณ์ ผ่านทางเฟซบุ๊ก สูญเงินกว่า 419,490 บาท โดยถูกหลอกผ่านการโทรศัพท์และแชตข้อความทางเฟซบุ๊ก แอบอ้างเป็นแอดมินเพจจิตอาสาเพื่อเด็กและสังคม
โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ได้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือผู้เสียหายและลูกสาว ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งคู่ผ่านทางเพจจิตอาสาเพื่อเด็กและสัมคม และได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือจากผู้ใจบุญหลายแสนบาท
ต่อมา ผู้ต้องหาทั้งสองเห็นช่องทางในการหาเงินจึงได้ใช้วิธีการแอบอ้างเป็นแอดมินเพจจิตอาสาเพื่อเด็กและสังคมโทรศัพท์หลอกผู้เสียหายให้ช่วยบริจาคเงินเพื่อไถ่ชีวิตโค กระบือ และบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่จังหวัดขอนแก่น ผู้เสียหายหลงเชื่อคิดว่าเป็นแอดมินเพจจิตอาสาเพื่อเด็กและสังคมจึงได้โอนเงิน จำนวน 419,490บาท ไปยังบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหาทั้งสอง จากนั้นผู้เสียหายได้ติดต่อไปยังแอดมินเพจจิตอาสาเพื่อเด็กและสังคมว่า ได้โอนเงินบริจาคไปแล้ว แต่ทางแอดมินเพจดังกล่าวแจ้งว่า ไม่ได้รับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่จังหวัดขอนแก่น และไม่ได้รับบริจาคเงินเพื่อไถ่โค กระบือ แต่อย่างใด ทางแอดมินเพจดังกล่าวจึงบอกกับผู้เสียหายว่า ถูกมิจฉาชีพหลอก จากนั้นผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองกระทั่งศาลออกหมายจับ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ4กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่านายสำรองและ น.ส.วิไลลักษณ์ เป็นสามีภรรยากัน พักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งวันที่ 7มีนาคม2563 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจนทราบว่า น.ส.วิไลลักษณ์ เคยถูกตำรวจจับกุมมาแล้วเมื่อวันที่ 28มีนาคม2561 ซึ่งตอนนั้น น.ส.วิไลลักษณ์ได้หลอกลวงผู้เสียหาย โดยแอบอ้างเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งและแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือเด็กและสตรี หลอกลวงผู้ทุกข์ยากให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตน โดยมีผู้เสียหายสูญเงินไปนับแสนบาทเช่นเดียวกัน เป็นการซ้ำเติมผู้ทุกข์ยาก
จากการสอบปากคำ นายสำรองและน.ส.วิไลลักษณ์ ยอบรับว่า ตนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ ไม่มีเงินมาชำระหนี้และต้องการนำเงินมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้นอกระบบ จึงต้องใช้วิธีการเดิมในการหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทุกข์ยาก เนื่องจากเป็นวิธีการที่ง่ายและได้เงินทันที เมื่อได้เงินจำนวนดังกล่าวแล้วก็จะนำเงินไปใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้นอกระบบ ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ฝากเตือนประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพว่า อย่าหลงเชื่อพวกมิจฉาชีพทางเฟซบุ๊กควรจะตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะโอนเงินให้กับใครหรือหน่วยงานใด จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพเหมือนตนเองอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี