วันก่อนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงข่าวเตรียมจัดงาน “มหกรรมเกษตรสร้างชาติ” โดยจะจัดให้มีศูนย์ถ่ายทอด ศูนย์เรียนรู้ที่มีเมนูอาชีพสำหรับเกษตรกรให้เลือกหลากหลาย มีการสัมมนา อบรม สาธิต รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินในการเขียนแผนธุรกิจเพื่อให้เป็นจุดบริการแบบเบ็ดเสร็จ(One Stop Service) โดยเน้นให้แต่ละหน่วยงานจัดทำศูนย์การเรียนรู้และสาธิตการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ อาทิ ด้านพืช ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ด้านประมง ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านปศุสัตว์ ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ แพะ และสัตว์ปีก ด้านการตลาด การแปรรูป เพิ่มมูลค่าการผลิต โดยสถานที่จัดงานคือ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี ของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการ ประภัตร โพธสุธนงานนี้วัตถุประสงค์ค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีหลายกังขาว่าทำไมต้องไปจัดที่สุพรรณบุรี และทำไมต้องเป็นสถานที่นั่น
เพราะเป็นที่ของเอกชน สถานที่ราชการหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ในต่างจังหวัดไม่มีแห่งใดเหมาะสมสำหรับจัดงานนี้ได้เลยหรือ ทั้งที่หลายแห่งก็สร้างเป็นศูนย์เรียนรู้อยู่แล้ว แม้ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ จะเมตตาให้ใช้สถานที่ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว แต่งบประมาณที่ลงไปสำหรับการจัดสถานที่ สร้างฐานเรียนรู้ต่างๆ หากเป็นสถานที่ของหลวง เมื่องานเลิกแล้วก็ยังคงอยู่ให้เกษตรกรได้เข้าไปเรียนรู้ในสถานที่ของหลวงได้ต่อไป แต่เมื่อไปจัดในที่เอกชนเมื่องานเลิกแล้ว หากจะต้องรื้อถอนทิ้งเลยก็น่าเสียดายงบประมาณจำนวนไม่น้อยแต่ใช้ประโยชน์ได้เพียงไม่กี่วัน หรือหากยังคงอยู่ก็จะกลายเป็นเอื้อประโยชน์ต่อสถานที่เอกชนหรือเปล่า เท่ากับว่าเอางบหลวงไปทิ้งไว้ให้เอกชนได้รับประโยชน์หรือไม่...น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนคงสงสัยเหมือนกัน
เรื่องต่อไป เป็นข่าวดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรนาเกลือทะเลที่ปัจจุบันประเทศไทยมีการทำนาเกลือทะเลทั้งประเทศ 78,289.16 ไร่ ใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปัตตานี แต่เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรนาเกลือทะเลประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการนำเข้าเกลือทะเลจากต่างประเทศจำนวนมาก อีกทั้งมีปัญหาอีกหลายด้านที่จะต้องเร่งแก้ไข อาทิ ปัญหาประสบจากภัยธรรมชาติ ปัญหาต้นทุนและค่าเช่าที่นาในการผลิตและค่าแรงค่อนข้างสูง ประกอบกับสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยและการรวมกลุ่มของเกษตรกรยังไม่ค่อยเข้มแข็ง รายได้ไม่เพียงพอ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย จึงได้ประชุมคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกลือทะเลไทย เบื้องต้นได้เห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายเกลือทะเล ปีการผลิต 2561/2562 – 2562/2563 เพื่อเสนอต่อ ครม.ต่อไป รวมทั้งมีแผนส่งเสริมการทำนาเกลือทะเลรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งจากการสำรวจความต้องการใช้เกลือตามนโยบายตลาดนำการผลิต พบว่า ปริมาณการใช้เกลือในประเทศมีประมาณปีละ 900,000 ตัน โดยใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป (รวมเพื่อการส่งออก) 450,000 ตันต่อปีอุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา 430,000 ตันต่อปี อุตสาหกรรมผลิตซอสปรุงรสและผักผลไม้ดองในน้ำเกลือ รวมถึงอาหารทะเลในน้ำเกลือ 20,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เกลือสินเธาว์ที่ผลิตได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและมาตรฐานอาหาร โดยแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการด้านการตลาดนำการผลิตเกลือทะเล เพื่อแก้ปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำ ช่วยเหลือให้ชาวนาเกลือให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พ้นภาวะหนี้สิน และทำนาเกลือทะเลเป็นอาชีพที่สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศ
พร้อมกันนี้ ยังได้เชิญชวนชาวนาเกลือทั่วประเทศขึ้นทะเบียนเกษตรกรต่อกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนขับเคลื่อนพัฒนา ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาเกลือทะเลอย่างครบวงจร โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรนาเกลือทะเลขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกครัวเรือนและทุกจังหวัดมากขึ้นในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปัตตานี แต่ปัจจุบันพบว่ามีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพียงจำนวน 535 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 21,527.10 ไร่เท่านั้น จึงขอให้เกษตรกรผู้ทำนาเกลือรีบมาขึ้นทะเบียนเกษตรกร ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด ณ ที่ตั้งแปลงเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐและให้คณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทยสามารถส่งเสริมและแก้ไขปัญหาเกลือทะเลได้อย่างครบวงจร เพื่อเดินหน้าในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวนาเกลืออย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับประโยชน์ของการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งอาชีพนาเกลือทะเลและอาชีพอื่นๆ คือจะทำให้ภาครัฐสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ วางแผนการบริหารจัดการสินค้าให้กับเกษตรกรผู้ทำนาเกลือและอาชีพต่างๆได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากท่านไม่ขึ้นทะเบียนท่านและครอบครัวก็จะตกสำรวจในการได้รับความช่วยเหลือทั้งด้านยกระดับคุณภาพผลผลิต การยกระดับราคาและการช่วยเหลือด้านการตลาดในอนาคต...เกษตรกรชาวนาเกลือต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง รีบไปลงทะเบียนกันนะครับ
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี