สถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ ดูเหมือนจะเกิดปัญหาขึ้นในทุกวงการ นับตั้งแต่เชื้อไวรัส COVID-19 ระบาด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ยิ่งเจอปัญหาภัยแล้งเข้าไปอีก ภาคการเกษตรยิ่งอยู่ในภาวะลำบากมากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปพบปะพูดคุยกับพี่น้องสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโป่งน้ำร้อน ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกลำไย และจัดได้เป็นแหล่งผลิตลำไยคุณภาพแหล่งหนึ่งของไทย ที่มีการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ลำไยในพื้นที่นี้กว่า 3 แสนไร่ ในเขตอำเภอสอยดาวและอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี คงจะได้รับผลกระทบรุนแรงและบางสวนถึงขั้นยืนต้นตายไปแล้วก็มีบางสวนที่กำลังติดผล ต้นก็เริ่มเหี่ยวลง ปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ก็เริ่มหมด โดยแหล่งน้ำเหล่านี้เกษตรกรเตรียมสำรองไว้ใช้ และใช้ในการฟื้นฟูต้นเพื่อให้พร้อมการราดสารที่จะให้ติดดอกออกผลตามช่วงเวลาที่ต้องการ ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ความแห้งแล้งที่รุนแรง อากาศที่ร้อนอบอ้าว เป็นสิ่งที่เกษตรกรกังวลกันมาก บางพื้นที่ถึงกับเกิดความขัดแย้งกันในการแย่งชิงน้ำมาใช้ในพื้นที่สวนของตน
ขณะเดียวกัน สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ของกรมวิชาการเกษตร ได้เร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่พี่น้องเกษตรกรทั้งเรื่องการจัดการดิน การจัดการน้ำ การจัดการต้นพืช โดยใช้หลักวิชาการเพื่อช่วยกันทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรในการจัดการเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่ให้เสียหายเลย เพราะลำไยเป็นไม้ยืนต้น ถ้าต้องทรุดโทรมและตายจากภัยแล้งดังกล่าว กว่าจะปลูกใหม่และให้ผลผลิตต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 4-5 ปีแล้วเกษตรกรจะทำอย่างไรในช่วงที่ไม่มีรายได้จากสวนดังกล่าว เกษตรกรหลายรายพยายามให้ข้อมูลผมว่าความเสียหายของไม้ผลไม่เหมือนกับความเสียหายในนาข้าว เพราะข้าวเป็นพืชอายุสั้น เมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ต้องเสียหายสิ้นเชิง ฤดูถัดไปหรือเมื่อปีนี้ที่อุดมสมบูรณ์พอก็เริ่มปลูกและให้ผลผลิตใหม่ได้ ใช้เวลาฟื้นตัวไม่นานนัก สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นความพยายามในการให้ข้อมูลและช่วยกันแก้ไขปัญหาไม่ให้แย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่
ในมุมทางวิชาการที่ ผอ.ชลธี นุ่นหนูผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่า การจัดการต้นพืชในสภาวะที่แห้งแล้ง ต้องตัดแต่งกิ่งให้เหลือเท่าที่จำเป็น ตัดปรับแต่งทรงพุ่มให้เตี้ยลง ลักษณะเหมือนการทำสาวในกาแฟหรือพืชอื่นๆ ซึ่งข้อมูลทางวิชาการจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าการปล่อยทิ้งไว้ แต่ในมุมมองของเกษตรกรอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำใจให้ตัดแต่งกิ่งลำไยออกมากขนาดนั้น ด้วยเกรงว่าจะทำให้ลำไยไม่สามารถให้ผลผลิตได้เท่าที่เคย อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรทำตามคำแนะนำทางวิชาการจะเห็นว่าต้นลำไยจะไม่โทรมและยังคงให้ผลผลิตได้ สามารถจัดการสวนได้ง่าย เนื่องจากทรงพุ่มเตี้ย ทั้งการแต่งช่อผล การจัดการศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกษตรกรต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง และเป็นที่น่ายินดีว่าเกษตรกรหลายรายได้นำคำแนะนำเหล่านี้ไปปฏิบัติและให้ผลเป็นที่น่าพอใจ
การผลิตลำไยในพื้นที่เขาสอยดาวและโป่งน้ำร้อนเป็นลำไยที่ควบคุมการออกดอกติดผลด้วยการราดสาร เพื่อทำอย่างต่อเนื่องมาหลายฤดู ทำให้ต้นลำไยโทรมลง ใบมีขนาดเล็กลงและออกเป็นกระจุก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางลำต้นและการติดผลของลำไย ทำให้ขนาดของผลลำไยเล็กลง ไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของตลาด ต้องขายเป็นลำไยร่วงราคาที่ได้จึงต่ำลงไปอีก ดังนั้น หากเกษตรกรจะฝ่าวิฤกตินี้ไปได้ ต้องร่วมมือร่วมใจกัน วางแผนการแก้ไขปัญหาระยะยาว และต้องใช้หลักการบริหารจัดการทางวิชาการมาแก้ไขด้วยเท่านั้น จึงจะพ้นวิฤกติไปได้ สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่ต้องใช้ฐานความรู้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ร่วมกับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเท่านั้น จึงจะรอดพ้นกันไปได้
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี