‘ชุดพยัคฆ์ไพร-พญาเสือ’ประสานดีเอสไอ จัดการกลุ่มทุนรุกป่าเขาเรอ-ชลบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) พร้อมด้วยนายพันธุ์พงษ์ คงเดชอดิศักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 ชลบุรี ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง กรมป่าไม้ ลงพื้นที่ติดตามกรณีที่มีการตรวจพบว่ามีกลุ่มทุน ผู้มีอิทธิพลบุกรุกยึดถือครองทำประโยชน์ในที่ดินในเขตพื้นที่ทรงสงวน ป่าเขาเรอ หมู่ที่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตามพระบรมราชโองการ พุทธศักราช 2465 ที่กองทัพเรือมอบให้กรมป่าไม้เมื่อปี 2538 เพื่อจัดทำโครงการปลูกฟื้นฟูป่าในพื้นที่ของมูลนิธิชัยพัฒนา และพื้นที่ทรงสงวน
ทั้งนี้ ในปี 2548 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้ยื่นขออนุญาตจับจองที่ดินในเขตทรงสงวนต่อฐานทัพเรือสัตหีบ และกองทัพเรือได้พิจารณาอนุญาตให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับจองทำประโยชน์ที่ดินในเขตทรงสงวนบริเวณป่าเขาเรอ 1,873 ไร่ ตามใบอนุญาตออกตามความในพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ 16 กันยายน พุทธศักราช 2465 ที่ กห. 0500/1046 ลงวันที่ 28 เมษายน 2549 และเป็นพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484
ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลแล้วถึง 5 คดี แต่กลุ่มทุนยังมีการฝ่าฝืนเข้าทำประโยชน์ต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยคดีแรกเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ได้ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมรถแบคโฮ 2 คัน ตรวจยึดพื้นที่ 6 ไร่เศษ
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 ตรวจยึดพื้นที่ 41 ไร่เศษ โดยเป็นพื้นที่ป่าและภูเขา 39 ไร่เศษ
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 ตรวจยึดพื้นที่ 1 งานเศษ ซึ่งคดีดังกล่าวอัยการสั่งไม่ฟ้อง
คดีที่ 4 เมื่อ 27 ธันวาคม 2561 ตรวจยึดพื้นที่ 1 งานเศษ
คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ตรวจยึดพื้นที่ 28 ไร่เศษ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า ยังมีการนำเครื่องจักรหนักย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ที่กีดขวางทางขึ้นลง เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อมิให้มีการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่หรือมีการบุกรุกเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันจากการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีข้อสงสัยเรื่องการนำเอกสารการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 244 และ 245 หมู่ที่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มาขอออกโฉนด โดยการเดินสำรวจและการนำไปออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามประมวลกฎหมายที่ดิน ทับซ้อนพื้นที่ของโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 โดยให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) แจ้งให้ฐานทัพเรือสัตหีบตรวจสอบการอนุญาตจับจองตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับในส่วนของกรมป่าไม้ ให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) พิจารณาดำเนินการขอคัดถ่ายสำเนาการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) และสารบบการออกโฉนดที่ดินรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานที่ดินและดำเนินการประมวลเรื่องรายงานกรมป่าไม้เพื่อพิจารณา
ทั้งนี้ จะประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ โดยให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) รายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พิจารณาส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) พิจารณารายงานกรมป่าไม้เพื่อพิจารณาแจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกทางหนึ่งเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ในพื้นที่ทรงสงวน ป่าเขาเรอทั้งหมดที่มีการออกโฉนดที่ดินแล้ว กองทัพเรือจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบว่า การออกโฉนดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการออกโฉนดขัดหลักเกณฑ์ในการอนุญาตให้ราษฎรจับจองที่ดินในเขตทรงสงวนหรือไม่ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี