กรมควบคุมโรค ระบุตัวเลขสนามมวย- สถานบันเทิง–ดาวะห์ ชี้สงครามยังไม่จบ แต่คาดหวังพรก.ฉุกเฉินและรณรงค์หยุดอยู่บ้านเพื่อชาติ จะทำให้ปชช.สำนึกรับผิดชอบ สามารถหยุดไม่ให้ผู้ติดเชื้อพุ่ง 3,500 รายสิ้นเดือนเม.ย.ได้ ห่วง"หมอแล็บแพนด้า"ไดร์พทรู จะเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เอง
วันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายแพทย์อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากตารางคาดการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 เดือนมีนาคม-เมษายน 63 ภาพรวมผู้ติดเชื้อประเทศไทยช่วงสิ้นเดือนเมษายนจะพุ่งขึ้น 3,500 ราย จากสถานการณ์ในประเทศไทยมีพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนทั้งสนามมวย สถานบันเทิง กลุ่มกลับจากดาวะห์ ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไปถึงหลักร้อยและวันนี้ยอดพุ่งทะลุหลักพันคนแล้ว
โดยเริ่มแรกมาจากกรณีนัดชกแข่งสนามมวย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม พบผู้ป่วยติดเชื้อที่กทม. และวันที่ 12 มีนาคม พบผู้ป่วยติดเชื้อในต่างจังหวัดมีประวัติเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสนามมวย โดยแพร่เชื้อไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดซึ่งเป็นญาติผู้สูงอายุและเด็ก จำนวน 17 ราย ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 9-15 มีนาคม เป็นช่วงที่กทม.ทยอยพบผู้ป่วยติดเชื้อ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากรายวัน และหลังวันที่ 16 มีนาคม เป็นต้นไป ก็เริ่มพบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อกระจายในหลายจังหวัดของประเทศไทย
โดยกทม.พบผู้ติดเชื้อ 1 คน มีอัตราส่วนแพร่เชื้อติดต่อไปอีก 3.4 คน ซึ่งถือว่า เป็นอัตราการแพร่เชื้อที่สูงมาก ส่วนจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบผู้ติดเชื้อ 1 คน มีอัตราส่วนแพร่เชื้อติดต่อไปอีก 2.2 คน และจังหวัดอื่นๆพบผู้ติดเชื้อ 1 คน มีอัตราส่วนแพร่เชื้อติดต่อไปอีก 1.8 คนนั้น ถือว่าเป็นอัตราส่วนการแพร่เชื้อที่ปกติของโรคระบาด
“จากตารางผู้ป่วยโควิด-19 สะสมจะเห็นได้ว่า เหตุการณ์หลังจากมีผู้ติดเชื้อจากสนามมวยนั้น ในช่วงวันที่ 18 มีนาคม เป็นวันที่ผู้ป่วยเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด 18 ราย เพียง 1 สัปดาห์ เมื่อถึงวันที่ 25 มีนาคม มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นพุ่งทะยาน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์โรคโควิดของไทยที่กระทรวงสาธารณสุข แพทย์พยายามหน่วงสถานการณ์ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ให้จำนวนผู้ป่วยให้มีจำนวนน้อยออกไปนาน ๆ แต่พอเกิดเหตุการณ์จุดเปลี่ยนทั้งสถานบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเคสสนามมวย และผู้ร่วมงานดาวะห์เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งไม่ได้คาดหมายว่าเกิดเหตุดังกล่าว และเป็นเหตุให้ตั้งแต่หลังวันที่ 15 มีนาคม มีผู้ติดเชื้อกระจายไปทั่วประเทศ “นพ.อนุพงศ์ กล่าว
และว่า ขณะนี้สถานการณ์เป็นช่วงทาง 2 แพร่ง ไม่อยากให้ไทยเป็นเหมือนอิตาลี ซึ่งแพทย์ตั้งใจอยากจะหน่วงเส้นกราฟให้คงที่ยาวนานให้เหมือนญี่ปุ่น ไม่ต้องการให้พุ่งขึ้น ผมคาดหวังว่ามาตรการที่รัฐบาลได้ออกพรก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการรณรงค์หยุดอยู่บ้านเพื่อชาติ จะทำให้ประชาชนสำนึกรับผิดชอบตัวเองและสังคมก็จะช่วยทำให้สามารถหยุดจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ให้เพิ่มขึ้นไปถึง 3,500 คนเมื่อถึงช่วงสิ้นเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม วันนี้พบแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย รวมขณะนี้ประเทศไทยมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อสะสม 9 รายแล้ว และจากตัวเลขผู้ติดเชื้อดังกล่าวข้างต้นแสดงว่าสงครามยังไม่จบ ดังนั้น ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่ไปสนามมวย แหล่งบันเทิง เดินทางเข้ามารับการตรวจเชื้อเพื่อความสบายใจว่าไม่ได้เป็นโควิด -19
ต่อข้อถามที่มีผู้บริหารโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยติดเชื้อนั้น นายแพทย์อนุพงศ์ กล่าวคาดการณ์ว่า ผู้บริหารคนดังกล่าวอาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่อยู่ในข้อมูลรายงานของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและบุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักมาตลอด 3 เดือนโดยที่ไม่สามารถผลัดมือกันในการรักษาผู้ป่วยได้ จึงมีโอกาสเสี่ยง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ามากของแพทย์คนดังกล่าว แม้ผู้บริหารสาธารณสุขย้ำมาโดยตลอดเวลาว่าให้บุคลากรแพทย์ดูแลตัวเองให้ดีก็ตาม
ส่วนกรณีที่“หมอแล็บแพนด้า”จะเอารถออกตรวจหาผู้ติดเชื้อสามารถทำได้หรือไม่นั้น นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ แต่หากมีการเก็บตัวอย่างเป็นสารคัดหลั่ง น้ำมูกจากโพรงจมูก โดยไม่ใส่ชุดป้องกันให้ดีเพียงพอก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อสูงและไม่ปลอดภัยแก่ผู้ที่เก็บเชื้อ แต่ถ้าใช้วิธีการเจาะนิ้วเอาเลือดนำมาตรวจโดยหยดใส่ชุดตรวจสอบนั้นก็จะปลอดภัยมากกว่า แต่การแปลผลตรวจก็จะทำได้ลำบากที่จะได้ผลตรวจที่แน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี