เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตนได้หารือกับ รศ.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (ประธาน กมว.) นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา ถึงการรับรองปริญญาตามมาตรฐานวิชาชีพ 4 ปี ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับหลาย ๆเรื่อง ทั้งเรื่องความต้องการครู ทักษะของครูที่เราต้องการในอนาคต และยังเชื่อมโยงกับหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาฯกำลังปรับปรุงพัฒนาเปลี่ยนแปลงต่างๆ อยู่ ซึ่งต้องไปเชื่อมกับทางกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และได้พูดถึงแรงจูงใจของครูที่ขาดแคลนในบางวิชาที่จะสอนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เป็นการพูดคุยกันโดยการนำเรื่องต่างๆมาวางให้เห็นเป็นภาพรวม และการสอบต่าง ๆด้วย เป็นการนำปัญหาที่ยังค้างคาอยู่เล็กๆน้อยๆมาวางเพื่อให้การทำงานเชื่อมต่อกัน
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานทดสอบ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ทำเรื่องการสอบของนักเรียนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเรานำ AI หรือ เทคโนโลยีมาประมวลก็สามารถแยกทักษะความสามารถในเรื่องต่างๆ ของเด็กได้ ซึ่งต่างประเทศก็ทำกันและมีการสอบไม่กี่อย่างก็สามารถชี้วัดความสามารถของเด็กได้ เหมือนกับสอบโทเฟล ส่วนทักษะเฉพาะทาง เช่น แพทย์ วิศวะ หรือศิลปะต่างๆ เรียกว่าส่วนเสริม วันนี้เราจึงพูดคุยกันถึงปัญหาที่เรามีอยู่
"ศธ.ยังไม่ใช้การสอบด้วยระบบออนไลน์ เพราะการสอบผ่านออนไลน์ยังมีข้อที่ต้องกังวนถึงเรื่องความเหมาะสม โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ขณะนี้เราเพียงแต่ใช้ระบบออนไลน์เพื่อการเรียนการสอน แต่ยังไม่สอบผ่านระบบออนไลน์ แต่ถ้าเรานำเทคโนโลยีมาสอบโดยที่เด็กนั่งอยู่ในห้อง แล้วเว้นระยะห่าง และสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แล้วประมวลผลอย่างรวดเร็ว ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องผลักดันให้เกิดขึ้นในอนาคต"
นายณัฏฐพล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตัดงบ 10% ของทุกกระทรวง เพื่อนำไปใช้เป็นงบกลางนั้น กระทรวงศึกษาฯ ก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตนได้ให้ผู้บริหารในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัดงบไว้แล้ว 30% ด้วยซ้ำ และเท่าที่ตนทราบ 10% ที่ท่านนายกฯ พูดถึงนี้ คิดว่าเป็นงบลงทุน ไม่ใช่งบประจำ ฉะนั้น จึงไม่มีปัญหากับแผนจัดหารศึกษาของ ศธ.เพราะ ณ ขณะนี้งบลงทุนทั้งหมดที่ ศธ.มีอยู่ เราได้ถอยออกมาแล้ว เพื่อเตรียมไว้สำหรับสถานการณ์โควิด-19 เช่น งบที่จะนำไปซ่อมแซมโรงเรียน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดึงกลับมาบางส่วน เพราะว่าโรงเรียนยังไม่เปิด การซ่อมแซมก็ต้องรอไปปีหน้า ดังนั้น อาจจะต้องโยกงบฯ นี้มาเตรียมเรื่องอุปกรณ์ที่จะทำให้เด็กมีความสามารถในการรับรู้จากการสอนผ่านทางระบบออนไลน์แทน ซึ่งผู้บริหารใน ศธ.ได้รับรู้เรื่องนี้และเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ดังนั้น การตัดงบจะไม่มีผลกระทบในระยะยาวกับแผนการจัดการศึกษาของศธ.อย่างแน่นอน
แต่ที่กังวลคือการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ยังมีข้อจำกัด เพราะความใกล้ชิดหรือความเทียบเท่ามีไม่เหมือนกับที่มีครูสอน แต่ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาจะเกิดขึ้นทั่วประเทศแน่นอน เพราะครูทุกคนจะเห็นหลักสูตรจากส่วนกลาง หลังจากนั้นก็เอาไปเสริมในคำอธิบายหรือสอนเพิ่มเติมให้กับเด็ก ในขณะเดียวกันครูก็จะเห็นว่ามีเด็กในห้องเรียนคนไหนที่ไม่เข้าใจบทเรียน ครูก็อาจจะสอนพิเศษ หรือสอนเสริมทักษะที่ควรรู้ให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กเรียนทันเพื่อนๆ เพราะเด็กทุกคนมีความสามารถไม่เท่ากัน ดังนั้น ครูก็ต้องปรับตัวในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เด็กด้วย ส่วนเด็กที่เก่งๆ เราก็หวังว่าเขาจะนำการเรียนรู้ทางออนไลน์ไปหาทางเสริมทักษะให้ตัวเองเพิ่มได้อีกทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี