กรมปศุสัตว์บูรณาการร่วมทุกภาคส่วนควบคุมการระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าซึ่งพบม้าตายรวม 131 ตัวใน 4 จังหวัด เร่งสอบสวนสาเหตุการเกิดโรค ย้ำเป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่เคยเกิดขึ้นในไทย ยืนยันไม่ติดต่อสู่คน ประชาชนไม่ต้องหวั่นวิตก
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness: AHS) ผ่านระบบ Video Conference กับผู้แทนจากองค์การสวนสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมม้าแห่งประเทศไทย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเพื่อสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโรคในม้า จากที่ปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าซึ่งเป็นโรคติดเชื้อในตระกูล ม้า ลา ล่อ ม้าลาย สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส RNA ชนิดไม่มีเปลือกหุ้มชื่อ Reoviridae genus Orbivirus ทำให้สัตว์ที่ติดเชื้อมีไข้สูง มีอาการเกี่ยวกับระบบทางหายใจ แล้วตายฉับพลัน ล่าสุดพบม้าป่วยตายใน 4 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมาตาย 115 ตัว ประจวบคีรีขันธ์ 10 ตัว ชลบุรี 5 ตัว และเพชรบุรี 1 ตัว รวม 131 ตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมกำหนดมาตรการควบคุมโรคกาฬโรคโดยทำบันทึกสั่งกักสัตว์ทั้งฟาร์ม/ฝูง โดยรีบประสานด่านกักสัตว์ควบคุมการเคลื่อนย้ายทันที เก็บตัวอย่างเลือดส่งสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ให้คำแนะนำเจ้าของสัตว์ในการจัดการม้าป่วย ม้าร่วมฝูง และงดการเคลื่อนย้ายม้า รายงานการเกิดโรคผ่านระบบ e-smart surveillance ประกาศเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชั่วคราวชนิดกาฬโรคแอฟริกาในม้า ชนิดสัตว์ม้า ลา ล่อ อูฐ ในพื้นที่ที่พบโรค นอกจากนี้ขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังและควบคุมโรคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ ข้อมูลประชากรม้าและสถานที่เลี้ยงม้าของแต่ละหน่วยงาน การนำเข้า-ส่งออก ม้า ลา ล่อ ม้าลาย อูฐ การเฝ้าระวังโรคในสถานที่เลี้ยงของแต่หน่วยงาน ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมโรคจากผู้เข้าร่วมประชุม
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า วันที่พบม้าป่วยตายทั้ง 4 จังหวัดใกล้เคียงกันจึงต้องเร่งสอบสวนหาสาะเหตุการเกิดโรคและเส้นทางดำเนินโรคเนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน แต่ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นวิตกเนื่องจากเป็นโรคติดต่อในสัตว์และไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา 2019 ยืนยันว่า ไม่ใช่โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ดังนั้นอย่าเชื่อข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนม้าที่ตายสั่งการให้ปศุสัตว์จังหวัดให้คำแนะนำเจ้าของฟาร์มกำจัดซากด้วยวิธีการที่ถูกต้องด้วยการฝังในหลุมลึก 3 - 4 เมตร โรยด้วยปูนขาวในหลุม จากนั้นนำม้าลงฝังโรปูนขาวทับอีกครั้ง พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณหลุมฝัง พร้อมให้ทุกฟาร์มฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอก ใช้น้ำยาเช็ดตามตัวม้าเพื่อป้องกันแมลงปีกที่อาจจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่ม้าเพราะม้าอาจจะมีแผลตามผิวหนัง ทำลายแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงดูดเลือดได้แก่ ยุง ริ้น เรือด แมลงวันดูดเลือด เป็นต้น รวมทั้งการจัดทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์มอย่างเคร่งครัดซึ่งทำให้ขณะนี้อัตราการป่วยตายของม้าลดลงแล้ว ขอเน้นย้ำให้เจ้าของหมั่นสังเกตอาการม้าที่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด ควบคุมการเคลื่อนย้าย หากพบม้าที่แสดงอาการผิดปกติให้รีบแจ้งสัตวแพทย์ ที่ปรึกษาฟาร์ม และแจ้งสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-2256888 หรือผ่านแอปพลิเคชั่น DLD 4.0 เพื่อดำเนินการตรวจสอบและควบคุมโรคอย่างเร่งด่วนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี