"นพ.ธนรักษ์"เผยผู้ป่วยรายใหม่ 1 ใน 4 เป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ เป็นเหตุให้ภาครัฐพยายามเข้มงวดกับกระบวนการสังเกตอาการ อยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเพราะคนใกล้ตัว-ครอบครัวเสี่ยงรับเชื้อมากที่สุด พบอัตราผู้ติดเชื้อเสียชีวิตอายุ 50 ปี ขึ้นไป 1.3% กลุ่ม 60 ปี จำนวน 3.6 % กลุ่มอายุ 70 ปี สูง 8 % และอายุ 80 ปี พุ่ง 14.8%
วันที่ 4 เมษายน 63 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในประเทศไทย( ณ วันที่ 3 เม.ย.63 เวลา 16.00 น.) มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 89 คน จะเป็นตัวเลขของคนไทย ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศถึง 18 คนและชาวต่างชาติเข้ามาในไทย 3 คน
ดังนั้น ตรงนี้อยากจะเน้นย้ำให้เห็นว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1 ใน 4 เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ใครก็ตามที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และตอนนี้ทางภาครัฐพยายามที่จะเข้มงวดกับกระบวนการสังเกตอาการ ก็อยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพราะถ้าหากเรากลับมาจากต่างประเทศแล้วติดเชื้อคนที่เสี่ยงติดเชื้อจากเรามากที่สุดก็คือ คนในครอบครัว สมาชิกที่อยู่ในบ้าน และคนที่เราไปพบปะสังสรรค์ๆ
โดยกลุ่มที่พบการระบาดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 3 คน กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 33 ราย แยกเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้ จำนวน 29 ราย สนามมวย 2 รายสถานบันเทิง 2 ราย
ทั้งนี้ ในส่วนของการแยกเป็นรายพื้นที่จะพบว่า ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล กทม.31 คน นนทบุรี 13 คน ปทุมธานี 5 คน ภูเก็ต 8 คน ชลบุรี 5 คน สงขลา 3 คน นราธิวาส 4 คน
สำหรับระดับความเข้มข้นมาตรการของแต่ละจังหวัดจะแตกต่างกันออกไป โดยในจังหวัดที่มีผู้ป่วยรายใหม่จำนวนน้อย จะเน้นใช้มาตรการทางสาธารณสุขโดยพยายามตรวจพบผู้ป่วยไห้รวดเร็วที่สุดและ ตามไปสอบสวนโรค พร้อมทั้งระบุตัวผู้ที่สัมผัสให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด ต่อจากนั้นติดตามผู้ที่สัมผัสมาตรวจเพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการ 14 วัน ซึ่งเป็นวิธีการตัดวงจรแพร่ระบาดของโรคได้ ส่วนในจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วย มากขึ้นว่าจะเน้นไปที่มาตรการทางสังคมโดยเน้นระยะห่างระหว่างบุคคลซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไปด้วย
ทั้งนี้ มาตรการสาธารณสุขจะใช้กับผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ ส่วนมาตรการทางสังคมคือใช้กรณีที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ติดเชื้ออยู่บ้าง ซึ่งในที่สาธารณะมีคนหมู่มากหนาแน่นก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสพบผู้ที่ติดเชื้อมากขึ้นตามไปด้วยดังนั้น จึงจำเป็นต้องดำเนินการควบคู่กันทั้ง 2 มาตรการในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก และในภาวะเช่นนี้จำเป็นที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ต้องมีส่วนให้ความร่วมมือคนละไม้คนละมือในส่วนที่ตัวเองมีบทบาทหน้าที่มีความรับผิดชอบเพื่อช่วยกันดึงกราฟจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ให้ลดลงต่ำที่สุด
นพ.ธนรักษ์ กล่าวถึงความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ผู้ป่วยมีอาการค่อนข้างน้อย หรือประมาณ 30 เปอร์เซนต์ ไม่มีอาการใดๆเลยทั้งนี้ อตราส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเสียชีวิต เฉลี่ย 1.4 เปอร์เซ็นต์ แต่หากแบ่งเป็นกลุ่มอายุจะพบอัตราเสียชีวิต ในกลุ่มอายุ 10-39 ปี จำนวน 0.2% กลุ่มอายุ 40 -49 ปี จำนวน 0.4% อายุ 50 -59 ปี จำนวน 1.3% อายุ 60-69 ปี 3.6 เปอร์เซ็นต์ อายุ70-79ปี จำนวน 8 เปอร์เซนต์ และอายุ 80 ปีขึ้นไป จำนวนเสียชีวิต 14.8 เปอร์เซ็นต์
โดยมีรายละเอียดาการของผู้ติดเชื้อ ที่พบได้ดังนี้อาการไข้จะพบในผู้ใหญ่ 89% เด็ก 42% อาการไอในผู้ใหญ่ 68% เด็ก 49 % อาการเจ็บคอในผู้ใหญ่ 14% ส่วนอาการมีน้ำมูก พบใน ผู้ใหญ่ 5% เด็ก 8% ขณะที่ ผู้ใหญ่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 15 เปอร์เซ็นต์แต่เด็กไม่พบ รวมทั้งอาการอ่อนเพลียในผู้ใหญ่ 38 เปอร์เซ็นต์ และเด็ก 76% ขณะที่ลักษณะอาการหายใจลำบาก หรือหายใจเร็วจะพบในผู้ใหญ่ 9% แต่ในเด็กมากถึง 29 เปอร์เซ็นต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี