พวกเอาเปรียบมีหนาว! มท.1คิกออฟคกก.ฟัน"กักตุนสินค้า" ขึงขังสั่งทั่วประเทศลงทำความเข้าใจปชช. หากพบฝ่าฝืนดำเนินคดีไม่เลี้ยง กำชับเข้มการข่าวสืบสาวต้นตอขบวนการ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีการประชุมคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ครั้งที่ 1/2563 ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการฯ เป็นไปตามตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 ขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ ประธานคณะกรรมการฯ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมการปกครอง ผู้แทนอธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมสรรพากร และผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันได้มีการระบาดอย่างรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อันเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ทำให้บุคคลบางกลุ่มถือโอกาสกักตุนโภคภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจน การกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน เพื่อให้โภคภัณฑ์ดังกล่าว ขาดแคลนในท้องตลาด ราคาจะได้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่เอารัดเอาเปรียบ และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อวันที่ 6 เม.ย.63 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชกฤษฏีกากำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2563 ขึ้น เพื่อที่จะกำหนดพื้นที่สำรวจฯ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา
รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ร่างคำสั่งคณะกรรมการฯ เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันและปราบปรามการกักตุนโภคภัณฑ์ต่าง ๆ อันส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะการณ์ที่ประเทศกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยแบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ โดยให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่เช่น ผู้ว่าฯ กทม. , ปลัด กทม.ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด/รองผู้ว่าราชการจังหวัด ในจังหวัดอื่นๆ เป็นต้น
2.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดระยะเวลาทำการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 3.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และแบบเอกสารในการดำเนินการตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 และ 4.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดวิธีการขายโภคภัณฑ์ การยึด และบังคับซื้อโภคภัณฑ์ตามมาตรา 9(4) แห่งพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมุ่งที่จะลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยใช้มาตรการเชิงป้องกันในการดูแลสุขลักษณะ การรณรงค์ Social Distancing และมาตรการสกัดกั้นเช่นการกักตัว (Quarantine) ทุกรูปแบบอย่างเข้มข้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องเตรียมการเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปกติ สามารถซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคได้ในราคาที่เป็นธรรม และต้องไม่มีการกักตุนสินค้า และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน
"พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งต้องไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ไม่ให้มีการกักตุนสินค้า และถ้ามีการกระทำความผิดจะมีบทลงโทษอย่างไร โดยอาจมีกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำมาบังคับใช้ได้ทุกฉบับ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ผู้ว่าฯ กทม.และพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการด้านการข่าวในการสืบหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่กักตุนสินค้า และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด" รมว.มหาดไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี