ล็อกเป้าตรวจเข้มโควิด-19
กลับจากตปท.
ผวาเจอ42คนติดจากอินโดฯ
ส่งเข้ากักตัว14วันทันที
มท.สั่งทุกจว.เข้มกลุ่มเสี่ยง
ห้ามปล่อยกลับบ้านเด็ดขาด
ยอดป่วยพุ่ง111ตายอีก3
ศบค.สรุปผู้ป่วยใหม่ 111 ราย พบ 42 คน ติดเชื้อหลังกลับจากอินโดฯ ทำยอดรวม 2,369 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 รายเป็นชายชาวต่างชาติ สะสม 30 ราย รักษาหายแล้ว888 คน เล็งคุมเข้มคนไทยกลับจากตปท.เป็นเป้าหมายใหม่ที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะภูเก็ตคนป่วยแซงหน้ากทม. ด้านสธ.ปรับแผนเน้นตรวจปูพรมเชิงรุกแบบภูเก็ตโมเดลหาผู้ติดเชื้อที่อาจแฝงตัวอยู่ “บัวแก้ว” ยันดูแลคนไทยตกค้าง ทยอยกลับไทย ประเดิม 32 คน ตกค้างที่ญี่ปุ่นถึงสุวรรณภูมิ ส่งกักตัวทันที สตูล พบผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยกลับจากอินโดฯ 15 คน สั่งล็อกดาวน์เมืองพัทยา 21วันดีเดย์บ่ายสอง9เมย. เหตุยอดป่วยเพิ่มอันดับ1ชองชลบุรี
เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือโควิด-19 แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19ว่า สถานการณ์ในไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 111ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 2,369ราย รักษาหายแล้ว 888 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเสียชีวิต 30 ราย
ตายเพิ่ม3เป็นชายต่างชาติทั้งหมด
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3รายนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด โดยผู้เสียชีวิตล่าสุด รายแรก เป็นชาย สัญชาติรัสเซีย อายุ 48 ปี มีประวัติเดินทางไปจ.ภูเก็ตระหว่างวันที่ 18-21 มีนาคมที่ผ่านมา เริ่มป่วยวันที่ 22 มีนาคม และเดินทางกลับพัทยา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่จ.ชลบุรี ด้วยอาการไข้ 38.4 องศาเซลเซียส ไอ เจ็บคอ โดยรักษาตัวอยู่ที่บ้านและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
ผู้เสียชีวิตรายที่สอง เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 69 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานและโรคหัวใจ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวันที่ 21 มีนาคม ด้วยอาการไข้ 39.3 องศาเซลเซียส ไอ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อและถ่ายเหลว จากนั้นเข้ารักษาตัวที่ห้องไอซียู และส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเอกชน จากนั้นอาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา และผู้เสียชีวิตรายที่สาม เป็นชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัวคือ ไตเรื้อรัง เริ่มป่วยวันที่ 9 มีนาคม ด้วยอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก รักษาตัวที่โรงพยาบาลในจ.บุรีรัมย์และมีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น และใส่เครื่องช่วยหายใจ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7เมษายนที่ผ่านมา
เฝ้าระวังเข้มกลุ่มคนกลับจากตปท.
“จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากวันที่ 7 เมษายน พบว่า เป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการเดินทางกลับจากอินโดนีเซีย 42 ราย เป็นผู้ป่วยที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ผู้เดินทางไปสถานที่ชุมชนและมีอาชีพเสี่ยง รวม 69 ราย รวมถึงเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 21 ราย”นพ.ทวีศิลป์กล่าว และว่า ทั้งนี้ กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศจะเป็นกลุ่มใหม่ที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพบว่าผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศในเที่ยวบินจากเกาหลีใต้ ไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง 8 คน จากที่เดินทางมา 57 คน อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ผู้ป่วยรายแรกของจังหวัด ส่วนใหญ่มาจากชาวต่างชาติที่เดินทางไปจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว เช่น กทม. นนทบุรี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ผู้ป่วยชาวไทย จะเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ อาทิ จีน อิหร่าน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และปากีสถาน ส่วนปัจจัยในประเทศมาจากกลุ่มที่มีประวัติไปสนามมวยและเดินทางกลับบ้านจังหวัดต่างๆ
ป่วยสะสม2.3พัน-ภูเก็ตแซงกทม.
โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยสะสม 2,369 ราย จาก 67 จังหวัด โดย 3 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยจำนวนมากอยู่ที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและภูเก็ต และมี 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย ขณะที่จ.สตูล พบผู้ป่วยเป็นรายแรกคือผู้ที่เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย ทั้งนี้ จากการจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบว่าจ.ภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 33.9 รองลงมาคือ กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 21.6 และยะลา ร้อยละ 12.7 ดังนั้น แต่ละจังหวัดต้องมีมาตรการดูแลเข้มข้นขึ้น โดยจ.ภูเก็ตมีการสแกนตรวจหาเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง โดยไปเก็บตรวจ 2,000 คนในหนึ่งวัน ทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจ.ภูเก็ตจะทำเช่นนี้ต่อเนื่อง เพราะผู้ติดเชื้อบางคนไม่มีอาการ แต่เมื่อตรวจสารคัดหลังแล้วก็พบว่ามีเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ยังชี้แจงการทำงานสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ด้วยว่า สธ.ขยายขอบเขตผู้ป่วยที่ต้องสอบสวนโรคเพิ่มขึ้นอีกหลายกรณี โดยกรณีแรก เป็นกลุ่มด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่มีอุณหภูมิร่างกาย 37.3 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ ร่วมกับมีประวัติเดินทางไปหรือมาจากต่างประเทศทุกเที่ยวบินและทุกช่องทางระหว่างประเทศ กรณีที่สอง กลุ่มสถานพยาบาล ที่มีอุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไปร่วมกับระบบทางเดินหายใจและปอดอักเสบ หรือมีประวัติเดินทางไปหรือมาจากหรือ อาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดโควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และเมื่อรักษาแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง
ยันตรวจหาเชื้อใด้วันละหมื่นราย
“กรณีที่สาม กลุ่มบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป มีอาการระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ และทุกรายที่แพทย์ผู้ตรวจรักษาสงสัยว่าติดเชื้อหรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยและผู้สงสัยว่าป่วย กรณีที่สี่ เฝ้าระวังการป่วยเป็นกลุ่มก้อนคือ ผู้มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและมีผลตรวจ rapaid test หรือ PCR เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นผลลบ ร่วมกับการเป็นบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ 3 รายขึ้นไปอยู่ในสถานที่เดียวกัน และกรณีไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ 5 รายขึ้นไปอยู่ในสถานที่เดียวกัน โดยทุกกรณีหากเข้าข่ายกลุ่มไหน รัฐดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด” โฆษกศบค. กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อเสนอให้สุ่มตรวจคนทั่วไปเป็นจำนวนนับแสนคนที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อ โฆษกศบค. กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องทุ่มตรวจวันละแสนคนตามที่หลายฝ่ายเสนอ เนื่องจากคนที่ตรวจไม่พบในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าวันต่อไปจะไม่ป่วย หากไม่ระมัดระวัง ไม่สวมใส่หน้ากาก ไม่เว้นระยะห่างทางสังคมก็มีโอกาสติดเชื้อได้ เชื่อว่าศักยภาพปัจจุบันที่ขณะนี้ตรวจสูงสุดในกรุงเทพฯประมาณ 1 หมื่นคน ต่างจังหวัดรวม1 หมื่นคนเป็นจำนวนที่เพียงพอ อีกทั้ง มีน้ำยาตรวจที่ผลิตโดยบริษัทของคนไทย ช่วยทำให้ทำให้ค่าใช่จ่ายต่อคน อยู่ใน ราคา1,500 บาท
สธ.ปรับวิธีค้นหาผู้ป่วยลุยปูพรมเชิงรุก
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แถลงว่า หลังจากศบค.เผยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 111 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 69 คน และผู้ป่วยจากการเดินทางมาจากต่างประเทศ 42 คน ดังนั้น ต่อไปการรายงานสถานการณ์ป่วย จะเน้นปรับแบ่งเป็น การรายงานในพื้นที่ และรายงานในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศ ขณะเดียวกันผลพวงจากการพบป่วยในพื้นที่บางลา ป่าตอง จ.ภูเก็ต คล้ายกับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใน กทม.พื้นที่ที่ทองหล่อ เป็นการติดภายในสถานบันเทิง อีกทั้ง มีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และมีเงื่อนไขการเข้าออกสถานที่ แม้ว่าขณะนี้จังหวัดจะปิดการเข้า-ออกในพื้นที่ แต่ยังคงพบผู้ป่วยต่อเนื่อง และได้ตรวจผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว กว่า 1,500 คน ซึ่งวิธีตรวจแบบนี้จะเรียกว่า วิธีการเชิงรุก แบบปูพรมค้นหา
ใช้ภูเก็ตโมเดลสแกนกทม.หาคนป่วยแฝง
“ต่อไปการตรวจค้นหาผู้ป่วยในกทม. จะใช้วิธีตรวจแบบเดียวกับภูเก็ต เน้นตรวจเฉพาะกลุ่ม เข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดแบบกลุ่มก้อน หาประชากรป่วยที่ยังคงแฝงอยู่ เพื่อไม่ให้โรคแพร่กระจาย ขณะเดียวกัน ต้องไม่เคลื่อนย้ายประชากร ส่วนผู้ที่กลับจากต่างประเทศทุกคนต้องถูกกักตัวดูอาการ ในสถานที่ที่รัฐจัดหาให้ 14 วัน แม้ไม่มีอาการเป็นมาตรการลดเชื้อและลดอัตราป่วย โดยกลุ่มคนเหล่านี้ จะถูกกระจายไปพักยังสถานที่ที่รัฐจัดเตรียมไว้ โดยสำรองหัองพักไว้ 1,883 ห้อง แบ่งเป็นของภาครัฐ 136 ห้อง ภาคเอกชน 1,747 ห้อง ขณะนี้ยังเหลือห้องพัก 1,400 ห้อง”นพ.สุวรรณชัยกล่าว
ไฟเขียวเยียวยาบุคลากรการแพทย์3กลุ่ม
ด้านทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 7 เมษายน ได้อนุมัติปรับอัตราจ่ายชดเชยช่วยเหลือกรณีติดเชื้อไวรัสโควิด-19จำนวน 2 เท่า ให้บุคลากรทางการแพทย์ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร หรือเจ็บป่วยเรื้อรังที่ต้องรักษาตลอดชีวิตและมีผลกระทบรุนแรงต่อการดำรงชีวิต จ่ายช่วยเหลือตั้งแต่ 480,000 -800,000 บาท 2.กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 200,000 - 480,000 บาท และ3.กรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่ สปสช.สาขาเขตพื้นที่ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับความเสียหาย ส่วนประชาชนทั่วไปได้อนุมัติงบกลาง 3,260 ล้านบาท มาดูแลเป็นค่ารักษาพยาบาลแล้ว
32คนไทยตกค้างที่ญี่ปุ่นถึงสุวรรณภูมิ
ขณะที่เฟซบุ๊กกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความระบุว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวส่งคนไทย 32 คน ซึ่งเป็นผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่องที่ติดค้างอยู่ในสนามบินฮาเนดะมา 4 คืน และกลุ่มคนไทยในญี่ปุ่นที่ตกค้างจากการประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยชั่วคราวของ กพท.จำนวนหนึ่งที่มีเอกสารพร้อมเดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบิน All Nippon Airways (ANA) เที่ยวบินที่ NH 847 โดยเดินทางถึงกทม. เวลา 15.30 น.วันเดียวกันนี้ เที่ยวบินดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากสายการบิน ANA และได้รับอนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยให้ทำการบินได้ในฐานะเที่ยวบินเพื่อรับส่งบุคคลกลับภูมิลำเนา (repatriation flight) โดยมิได้เปิดรับผู้โดยสารอื่น ทั้งนี้ ผู้โดยสารคนไทยทั้งหมดรับทราบเกี่ยวกับมาตรการกักตัว 14 วัน หลังเดินทางถึงประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูตฯประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจัดเตรียมสถานที่กักตัว 14 วันแล้ว
พนง.โรงซ่อมรถไฟ67รายเข้าข่ายกักตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังมีรายงานตรวจพบช่างซ่อมรถไฟมักกะสัน 1 ราย ติดเชื้อโควิด 19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้วนั้น วันเดียวกัน จากสอบโรคในพื้นที่ว่ามีพนักงานหรือลูกจ้างในโรงซ่อมมักกะสันรายใดที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวหรือไม่ โดยได้ทำหนังสือแจ้งวิศวกรใหญ่ที่ควบคุมโรงงานมักกะสัน ระบุรายชื่อพนักงานบริษัทผู้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อครอบคลุมพนักงานรถไฟและลูกจ้างเข้าข่ายมีความเสี่ยงรวม 67 ราย โดยจัดระดับเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากทำงานใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ 32 ราย เสี่ยงปานกลาง 23 ราย และเสี่ยงต่ำ 12 ราย ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องกักตัวระวังติดเชื้อต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันติดเชื้อในพื้นที่โรงซ่อมมักกะสันเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรถไฟเข้าพ่นยาฆ่าเชื้อแล้ว
ล็อกดาวน์!พัทยา21วันดีเดย์9เมย.
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายจังหวัดยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย อย่างจ.ชลบุรี นายภัคธรณ์ เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ออกประกาศล็อกดาวน์เมืองพัทยา 21 วัน ให้หลือเพียง 5 จุด เริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. วันที่ 9 เมษายน พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่สนธิกำลังตั้งจุดตรวจคุมเข้มคนเข้า-ออก ทั้งยานพาหนะและบุคคล หากไม่ได้อยู่อาศัย ทำงาน หรือมีเหตุจำเป็นในพัทยา จะไม่ให้เข้าออกจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจาก สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีผู้เข้าข่ายและติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องรวมกว่า 30 คน สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงหารือกันเรื่องการควบคุมการเข้าออกพื้นที่ และเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าพื้นที่ชั้นใน
สตูลพบติดเชื้อ15คนกลับจากอินโด
ด้านนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล แถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังคนไทยกลุ่มดาวะห์ 26 คนกลับจากประเทศอินโดนีเซีย โดยตรวจพบผู้เข้าข่ายอาการ 20 คน หลังส่งสารคัดหลั่งไปตรวจหาเชื้อ ปรากฏว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยัน 15 ราย โดย 1 ในนั้น เป็นผู้ติดเชื้ออายุ 74ปีเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนที่เหลือจะนำเชื้อไปตรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่อยืนยันจำนวนผู้ป่วยในจังหวัด โดยผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดสตูล หอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่ปิด จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก
ภูเก็ตป่วยพุ่ง14รายสะสม140คนแล้ว
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตแจ้งว่า จ.ภูเก็ตมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 140 ราย เป็นรายใหม่ 14 ราย รักษาหายกลับบ้าน 42 ราย จำหน่าย 1 ราย ด้วยเสียชีวิจจากเหตุการณ์อื่น นอนรักษาตัวอยู่ 97 ราย ในจำนวนนี้อาการรุนแรง 3 ราย ที่เหลืออาการอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ ผู้ป่วยทั้ง 126 รายรวมอยู่ในรายงานผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงไปก่อนหน้านี้ ส่วนผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม 1,846 ราย รายใหม่ 90 ราย โดยยังคงรักษาพยาบาล 183 ราย ในจำนวนนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 86 ราย กลับบ้านแล้ว 1,663 ราย สำหรับผู้ป่วย ยืนยันโรคโควิด-19 ที่พบเพิ่มวันนี้ 12 รายจาก 14 รายเป็นกลุ่มที่พบจากการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ซึ่งสธ.ดำเนินการเพิ่มเป็นพิเศษในต.ป่าตอง อ.กะทู้ เพื่อค้นหาผู้ป่วยกลุ่มผู้ที่มีอาชีพเสี่ยงสูง อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง และผู้สัมผัสของผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งทีมงานสาธารณสุขและเทศบาลป่าตองร่วมกันค้นหาและนำมากักตัวไว้ในสถานที่ ซึ่งทางเทศบาลป่าตองเตรียมไว้ ส่วนผู้ป่วยยืนยันอีก 2 ราย มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันและไปยังสถานที่เสี่ยง
กระบี่ปิดเกาะลันตาพท.เสี่ยงสูงสุด
พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิตติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เกาะลันตา เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงมาก จังหวัดจะพิจารณาดำเนินการสกัดกั้น ยับยั้ง การระบาดไม่ให้ขยายหรือแพร่เชื้อมายังพื้นที่อื่น ด้วยมาตรการขั้นสูง พร้อมแผนรองรับปฏิบัติการ หากส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากมีผู้ป่วยในพื้นที่ถึง 4 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ของจ.กระบี่ ข้อมูลของสาธารสุขจ.กระบี่ เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 รายเป็น 16 ราย และรักษาหายกลับบ้านแล้ว 6 ราย ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 10 ราย ประกอบด้วย อ.เมือง 4 ราย เกาะลันตา 4 ราย และปลายพระยา 2 ราย มีผู้ข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 315ราย เพิ่มขึ้น 20 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ 277 ราย และรอผลตรวจอีก16ราย
ผู้ว่าฯเลยปิด25หมู่บ้านสกัดโควิดลาม
เช่นเดียวกับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยลงนามคําสั่งมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายในท้องที่ กำหนดให้ 25 หมู่บ้าน ในอ.เมืองเลย วังสะพุง เชียงคาน ด่านซ้าย นาด้วง ท่าลี่ ผาขาว ภูกระดึง หนองหิน ภูเรือ และนาแห้ว เป็นพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 โดยให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของทั้ง 25 หมู่บ้าน พิจารณาตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านจุดตรวจคัดกรอง ห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว เว้นแต่หรือกรณีได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 30 เมษายน สำหรับสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจ.เลย จนถึงวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี