9 เมษายน 2563  นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) นพ.ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์ สสจ.นครพนม นพ.ยุทธชัย ตริสกุล ผอ.รพ.นครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานระบาดวิทยา สาธารณสุขชายแดนและโต้ตอบภาวะฉุกเฉิน ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม (ติดตามสถานการณ์ (COVID-19)) ครั้งที่ 85/2563 เพื่อรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 “COVID-19" โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมฯ ณ ห้องศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม(ศปก.ฯ) ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่)

โดยนพ.ยุทธชัย ตริสกุล ผอ.รพ.นครพนม รายงานความคืบหน้า กรณีหญิงสูงวัยอายุ 63 ปี ชาวบ้านท่าดอกแก้ว หมู่ 6 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน ทำงานเป็นแม่บ้านในผับดังย่านทองหล่อ กทม.  มีผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของจังหวัดนครพนม หลังเดินทางกลับบ้านเกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 มาถึงปัจจุบัน (9 เมย.) แพทย์ได้ให้ยาต้านและรักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญของ รพ.นครพนม ก็ได้ปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขว่าครบถ้วนหรือยัง ซึ่งทางผู้ทรงคุณวุฒิก็ได้คอนเฟิร์มว่า ตอนนี้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับการรักษายาต้านไวรัสโควิด-19 ครบถ้วนสมบูรณ์

“โดยแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ก็คือการรักษาพยาบาลต้องอยู่ภายใน รพ.ฯ 2 อาทิตย์ ซึ่งจะครบกำหนดคือพรุ่งนี้(10 เมย.) หลังจากนั้นก็ต้องไปทำ home garden อยู่ที่บ้านอีก 2 อาทิตย์จนครบ 1 เดือน ซึ่งทาง รพ.นครพนม และทีมงานก็ได้มีการปรึกษากันว่า เพื่อไม่ให้เกิดความตระหนกกับชุมชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับคนไข้ รพ.ฯก็เลยจะให้มีการรักษาพยาบาลอยู่ใน รพ.ต่อจนครบ 1 เดือน เพื่อความสบายใจของทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะชาวบ้านท่าดอกแก้ว” ผอ.รพ.นครพนม กล่าว

นอกจากนี้ ในการบริหารจัดการจุดยุทธศาสตร์ในการรักษาพยาบาล ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้ป่วย ที่เข้ามารับการรักษาจะต้องปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จำเป็นต้องปรับยุทธวิธีในการเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ด้วยการนำลวดหนามมาวางกั้นทางเดินบางจุด โดยให้เข้า-ออกทางเดียว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปสู่บุคลากรทางการแพทย์ และไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามารับเชื้อโรคจากรพ.ออกไปสู่ชุมชนและครอบครัว เพราะมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 มารักษาตัวอยู่ที่นี่

ปรากฏว่าแม้จะมีลวดหนามขวางกั้น กำหนดเข้า-ออก ทางเดียว ก็ยังมีการฝ่าฝืน ด้วยความมักง่ายและไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรค บางคนปกปิดข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้คัดกรอง ว่า ไม่ได้มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ต้องการเข้ามาเยี่ยมญาติที่ป่วย แต่เมื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดพบว่า บุคคลผู้นั้นมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ทำให้แพทย์ต้องนำตัวผู้ป่วยที่เป็นญาติไปอยู่ห้องแยกโรคทันที บางคนเมื่อไม่ได้อนุญาตเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ก็เอะอะโวยวายด่าทอพยาบาล เจ้าหน้าที่ ชี้หน้าด้วยคำผรุสวาท พยาบาลตลอดจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นในความก้าวร้าวของญาติผู้ป่วย  บางรายอวดภูมิพูดไทยคำอังกฤษคำ  ทาง รพ.นครพนม  จึงฝากไปถึงบุคคลเหล่านั้น ว่าหากไม่ช่วยเหลืออะไรก็อย่ามาสร้างปัญหาเพิ่มภายในโรงพยาบาล เพราะบุคลากรทางการแพทย์ต่างทำงานหนักกันทุกคน แค่ปฏิบัติตามระเบียบก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ