ศบค. ย้ำ ยืนระยะสู้โควิด-19 ห้ามผ่อนเด็ดขาด ต้องเข้มข้นอีกเป็นเดือน ยัน เตียง-เครื่องช่วยหายใจเพียงพอ ปลื้ม WHO ชมไทยรับมือดี ยัน ไม่ห้ามคนไทยกลับประเทศ
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 34 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในกลุ่มผู้กลับมาจากต่างประเทศและกักตัวอยู่ในสถานที่ของรัฐ 3 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,613 ราย หายป่วยและกลับบ้านแล้ว 1,405 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตสะสม 41 ราย
โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นหญิงไทย อายุ 52 ปี อาชีพขับรถ ขสมก.สาย 140 มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง หัวใจโต มีประวัติสังสรรค์ดื่มสุราในวงเพื่อน ซึ่ง 1 ในวงสุราดังกล่าวมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทำให้มีการติดเชื้อจากวงสุรา 10 ราย ผู้เสียชีวิตมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ แล้วกลับมาทำงานปกติ แต่ต่อมาวันที่ 3 เม.ย. มีไข้ ถ่ายเหลว หายใจหอบเหนื่อย และไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาลย่านธนบุรี มีการยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 4 เม.ย. จากนั้นมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 12 เม.ย.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในผู้ป่วยรายใหม่ 34 รายวันนี้ มี 1 คน อยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐใน จ.สตูล ซึ่งเดินทางกลับมาจากอินโดนีเซีย ทำให้ขณะนี้มีผู้เดินทางที่กลับมาจากอินโดนีเซียติดโควิด-19 จำนวน 61 คน จากจำนวน 70 กว่าคน ถือว่าน่ากลัวมาก ถ้าสถานที่กักตัวของรัฐเราทำไม่ดี แล้วคนเหล่านั้นกระจายไปจะเกิดอะไรขึ้น ต้องย้ำตรงนี้ว่าการติดเชื้อมันไม่ได้ติดภายในวันเดียว จะค่อยๆติดไปยังคนใกล้ชิด และจากคนใกล้ชิดหากไปสัมผัสใครจะนำไปสู่อีกทอดหนึ่งได้ เหมือนผู้ที่เดินทางกลับจากการทำพิธีกรรมทางศาสนาในต่างประเทศที่ จ.ยะลา และปัตตานี
ดังนั้น เราจึงขอให้ทุกคนสมัครใจเข้ามาอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ เราดูแลจะอย่างดี จะได้ไม่ต้องไปวิ่งไล่ตามจับ เหมือนกรณี 156 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อท่านปลอดภัยสังคมก็ปลอดภัย และการติดเชื้อใน 2-3 วันที่ผ่านมายังขึ้นๆ ลงๆ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. มี 33 คน วันที่ 13 เม.ย. มี 28 คน วันนี้ 34 คน มันแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อยังไม่น่าไว้วางใจ
“ใครที่คิดว่าเห็นตัวเลขเมื่อวานแล้วดีใจแล้วผ่อนตัวเองลงสักนิด อย่าทำอย่างนั้นเลย นี่คือผลการผ่อนคลายด้วยหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ เพราะผลของวันนี้คือพฤติกรรมของเมื่อ 7 วันที่แล้ว ถ้าผ่อนคลายวันนี้จะเกิดผลในอีก 7 วันข้างหน้า ที่เราทำวันนี้กันอย่างเข้มข้น จะบอกอนาคตของเราได้ ถ้าเราเข้มข้นจริงๆ อนาคตตัวเลขลดลงแน่ๆ แต่ถ้าผ่อนคลายจะไม่เป็นอย่างที่ว่า”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก ยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างที่ประเทศอินโดนีเซียล่าสุดเขาออกมายอมรับว่ามีการปิดบังตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ตอนนี้ต้องเปิดเผยทุกอย่างให้ประชาชนรับทราบตัวเลขที่แท้จริง เพราะหลักการจัดการวิกฤติคือ ต้องโปร่งใส พิสูจน์ได้ ให้เห็นภาพความเป็นจริงให้มากที่สุด ซึ่งประเทศไทยทำมาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครคุมตัวเลข เราเปิดเผยหมด เพื่อให้ประชาชนรับทราบและเป็นพลังในการร่วมมือกันป้องกัน
ส่วนอันดับโลกปัจจุบันเรามีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 50 ซึ่งเราได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลกประจำไทยว่ามีระบบดูแลสุขภาพถึงระดับครอบครัว มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,040,000 กว่าคน ทำให้มีการดูแลในระดับครัวเรือนอย่างใกล้ชิด ถือเป็นความภาคภูมิใจของไทย เพราะองค์การสาธารณสุขระดับโลกที่มาประจำในประเทศไทยได้รายงานศักยภาพของเราให้ไปสู่เวทีโลก จึงต้องขอบคุณ อสม.และทุกๆ ฝ่ายที่ช่วยกัน
“กราฟผู้ติดเชื้อของประเทศไทยค่อยๆ ขยับขึ้นไป แต่ยังไม่ชัน และหากลงมากกว่านี้ยิ่งดี ตอนนี้ไม่มีประเทศไหนเป็นอย่างเรา จะมีก็ฮ่องกงที่คล้ายกับเรา ขนาดญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ก็ชันขึ้น ดังนั้น เราต้องเลี้ยงไปสักระยะ การ์ดอย่าตก ทำคะแนนไปเรื่อยๆ มวยมี 12 ยก ของเราไม่รู้ว่ายกจะยาวนานแค่ไหน แต่ไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ 7 วันนี้ยังไม่ได้แน่นอน ต้องใช้เวลาเป็นเดือน เราต้องซีลไม่ให้เชื้อโรคเข้า”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้มีผู้ป่วยหนัก 48 ราย อยู่ในโรงพยาบาลรัฐ 37 ราย เอกชน 11 ราย ค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องใช้กับผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่รายละ 1 ล้านบาท เราจึงขอให้ประชาชนทุกคนรักษาตัวเองให้ดีๆ ส่วนจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยและเครื่องช่วยหายใจนั้น ตอนนี้ยืนยันว่ายังมีเพียงพอทั่วทุกภาค แต่ถ้าเราป่วยเหมือนสหรัฐอเมริกาและอังกฤษไม่เพียงพอแน่นอน วันนี้เราจึงต้องดูแลกันอย่างดี ส่วนที่มีวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเดินทางไปตรวจโควิด-19 มีกระบวนการขั้นตอนที่ใช้เวลานานนั้น เพราะโรคนี้เป็นโรคระบาดใหม่ จำเป็นต้องเก็บข้อมูลและไม่ใช่แค่ประชาชนที่บ่นเรื่องนี้
ทั้งนี้ ทราบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ก็บ่นเหมือนกันผ่านโซเชียลมีเดีย จึงขอร้องหากติดขัดอะไรให้บอกผ่านมาโดยตรง จะได้ช่วยกัน หากไปพูดในโซเชียลมีเดียเราอาจไม่ได้ฟังกัน และการกรอกข้อมูลต่างๆ ส่วนหนึ่งเพื่อนำไปเป็นเรื่องเบิกจ่าย เราต้องทำให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะถูกตรวจสอบภายหลัง แต่ขณะนี้มีการพัฒนาใช้ระบบโค๊ดอัตโนมัติ ทำให้กระบวนการรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลการตรวจโรคตั้งแต่เดือน ก.พ.- 3 เม.ย. ตรวจไปแล้ว 84,008 ตัวอย่าง และจากวันที่ 4 – 10 เม.ย.ตรวจไปแล้ว 16,490 ตัวอย่าง ทำให้มีการตรวจไปแล้ว 100,498 ตัวอย่าง โดยเราจะตรวจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคงช่วงประกาศเคอร์ฟิว คืนวันที่ 13 เม.ย.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 14 เม.ย. มีผู้ออกนอกเคหสถาน 806 คน น้อยลงกว่าคืนก่อน 14 ราย มีการรวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม 155 ราย มากกว่าคืนก่อน 20 ราย พบว่าผู้ชุมนุม มั่วสุม ส่วนใหญ่จะตั้งวงพนัน ดื่มสุรา และเสพยาติด ถือเป็นเรื่องที่ผิดจริยธรรมและเสียสุขภาพ ขอให้บุคคลในครอบครัวช่วยกันเตือน
เมื่อถามถึงมาตรการคัดกรองคนไทยเข้าประเทศ ข้อกำหนดเรื่องเอกสารต่างๆ และการระงับอากาศยานเข้าประเทศชั่วคราว จะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่ห้ามคนสัญชาติไทย จะกระทำไม่ได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามีการคุยกันตั้งแต่แรก ยืนยันว่าเรายินดีต้อนรับคนไทยทุกคนกลับประเทศ ไม่มีคำสั่งห้ามแต่อย่างใด มีเที่ยวบินเข้ามาตลอด จะป่วยหรือติดเชื้อเข้ามาก็จะรับมาช่วยดูแล แต่ขอว่าก่อนเข้ามาต้องดูแลตัวเองกันก่อนและทยอยเข้ามา เรามีมาตรการเหล่านี้มาตลอด ไม่มีขัดมาตราหรือกฎหมายตัวไหน เราเพียงจัดระเบียบเพื่อจะดูแลท่านและดูแลคนไทยอีก 60 กว่าล้านคนไม่ให้เกิดการระบาด เราไม่โทษใคร แต่ศักยภาพการดูแลของเรารับผู้เดินทางจากต่างประเทศได้ไม่เกินวันละ 200 คน โดยวันเดียวกัน (14 ม.ย.) จะมีผู้เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ เวลา 21.00 น. จำนวน 135 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี