“วิกฤติไวรัสโควิด-19 (COVID-19) สร้างโอกาสให้ผู้บริโภค ให้ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น”สั่งออนไลน์เลือกซื้อหาอาหารได้“แต่สำหรับผู้ผลิตบางพื้นที่มีผลผลิตแต่ขายไม่ได้จึงเข้าขั้นวิกฤติ เพราะประชาชนไม่ออกจากบ้าน” กลัวติดเชื้อไวรัสจำต้องรับเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปพร้อมๆ ดังนั้น หากจะกล่าวว่า “โควิด-19 สร้างทั้งวิกฤติและโอกาสให้กับประชาชน แตกต่างกันไปด้วย” คงไม่ผิดนัก
ในฐานะเกษตรกรผู้ผลิตผักปลอดสารเคมี กาสมา กศิณปัภสูต (หนุ่ย) แห่ง “ฟาร์มผักบ้านบุญรักษ์”อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ภายใต้ช่วยเหลือดูแลของ มูลนิธิ เอ็มโอเอ ไทย (MOA Thai) เล่าถึงผลดีผลเสียต่อสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังว่าในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ วิกฤติไวรัสโควิด-19 กลับส่งผลดีให้กับผักปลอดสารพิษ ผลผลิตจากเกษตรธรรมชาติในพื้นที่ของเธอ เพราะมีผู้บริโภคตอบรับผลผลิตของเธอจากการขายผ่านออนไลน์ ดีกว่าเดิมถึงร้อยละ 60-70
“ไวรัสโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นทำให้ผู้บริโภคในพื้นที่ รักและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงมองหาตลาดทางเลือก อาหารปลอดภัย ผักปลอดสาร จึงตอบโจทย์ มีผู้บริโภคสั่งเข้ามาจำนวนมาก ผลที่ตามมาหลังจากนั้นอีกคือมีเกษตรกรอยากเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบปลอดสารเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรพื้นที่ใกล้ๆ กัน แต่เคยใช้สารเคมี อยากเปลี่ยนและเลิกใช้สารเคมีดูบ้าง” กาสมา ระบุ
กาสมา เล่าต่อไปว่า ขณะนี้มีเข้ามาร่วมแล้วประมาณ 4 ราย เบื้องต้นได้แนะนำและให้เริ่มทดลองปลูกแบบง่ายๆ ในปริมาณไม่มาก เพื่อจะได้เรียนรู้ และรู้จักนิสัยของผัก เพื่อจะได้เข้าใจแล้วค่อยขยายเป็นปลูกเพิ่มมากขึ้นในลำดับต่อไป โดยในสวนของฟาร์มผักบ้านบุญรักษ์นั้นเดิมมีกลุ่มเพื่อนเกษตรกรที่ทำร่วมกันอยู่ประมาณ 4 ราย ผลผลิตที่ได้มาส่วนใหญ่จะขายในกลุ่มไลน์ ลูกค้าก็มีข้าราชการ หมอ พยาบาล เป็นส่วนใหญ่ซึ่งเดิมมีอยู่ประมาณหนึ่ง
กระทั่งระยะหลังๆ ช่วง 2 เดือนล่าสุดที่ผ่านมา พบว่ามีเพื่อนสมาชิกแนะนำบอกต่อๆ กัน กลุ่มไลน์ใหญ่ขึ้น มีกลุ่มลูกค้าประมาณ 100 คนแล้วขณะนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่า ผู้บริโภคมีความต้องการจะทานผักปลอดภัย “ทุกคนอยากมีร่างกายแข็งแรง อาหารและพืชผักปลอดสารเคมี จึงเป็นตลาดทางเลือก” และเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเลือกซื้อทานเพื่อให้ร่างกายปลอดภัย
สำหรับระบบการซื้อขายผ่านไลน์กลุ่ม และเฟซบุ๊คฟาร์มผักบ้านบุณรักษ์ ในวันจันทร์และพฤหัสบดี จะเป็นวันแจ้งรายละเอียดผลผลิต เพื่อรอรับออเดอร์ โดยจะส่งลูกค้าภายในจังหวัดในวันอังคาร ส่วนวันศุกร์จะขายที่ตลาดประชารัฐดังนั้นลูกค้าสั่งออเดอร์วันพฤหัสบดี สามารถแวะมารับที่ตลาดประชารัฐในวันศุกร์ได้ ส่วนวันพุธ จะเป็นการส่งผลผลิตให้กับลูกค้าต่างจังหวัด ที่ออเดอร์เข้ามา ซึ่งในส่วนนี้ได้รวบรวมผลผลิตของเพื่อนเกษตรกร จากกลุ่ม MOA และ PGS ที่สนใจร่วมขายผักปลอดภัยด้วยกัน โดยขายในราคาที่เกษตรกรกำหนดไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ
“ผักที่มีขายในขณะนี้ได้แก่ มะเขือเทศ ผักสลัด ผักสวนครัว เช่น พริก มะเขือ ต้นหอม ผักชี ผักพื้นบ้าน ผลไม้ตามฤดูกาล เราจะบอกลูกค้าว่า ไม่ต้องสต๊อกผัก ขอให้สั่งในปริมาณที่เก็บไว้ไม่เกิน 3 วัน เพื่อที่จะได้ทานผักสด เราพร้อมส่งให้สัปดาห์ละ 2 รอบ ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ และด้วยความที่รสชาติ ความสดของผลผลิตทำให้ลูกค้าติดใจและเชื่อใจ จึงมีคนบอกต่อกันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้เห็นว่า ผู้บริโภคใส่ใจตัวเองมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี” กาสมา กล่าว
ส่วนเกษตรกร ของ MOA อีกรายหนึ่งอย่าง ณัฐวุฒิ คำอาณา เจ้าของร้านอาหาร “ฮิมดอย” อ.เชียงของ จ.เชียงราย เล่าถึงสถานการณ์ขณะนี้ให้ฟังว่า ตนและกลุ่มเพื่อนเกษตรกรที่ทำร่วมกับ MOA นั้น ที่ผ่านมาเคยมีรายได้ดีจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตผักปลอดสารพิษ ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19รายได้ที่เคยมีลดลง ที่ผ่านมาตนเองและกลุ่มเพื่อนเกษตรกรขายในตลาดประชารัฐ และตลาดสีเขียวของโรงพยาบาล แต่ล่าสุดปิดหมดแล้วขายไม่ได้ จึงต้องยอมรับสภาพไปโดยปริยาย
“ตลาดออนไลน์ ที่ผ่านมาทางกลุ่มไม่ทำกันแบบเป็นทางการ เพราะมีความคิดว่า อยากขายในตลาดเพื่อจะได้สื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภค ได้แลกเปลี่ยนความคิด
ได้รู้ว่า ผู้บริโภคต้องการผักแบบไหนบ้าง หรือมีข้อเสนอแนะอะไรเพื่อจะได้เอามาปรับปรุงการผลิตของเรา จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ” เจ้าของร้านอาหารรายนี้ อธิบาย
ณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า พื้นที่ 2 ไร่ ในร้านของตนแบ่งทำแปลงเกษตรและขายอาหารตามสั่งด้วย สถานการณ์ช่วงนี้ อาหารตามสั่งก็ทำได้เพียงสั่งซื้อแล้วนำกลับไม่สามารถนั่งทานได้ ลูกค้าก็มีน้อยมาก เพราะไม่มีใครอยากออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น จากประสบการณ์ครั้งนี้ ตนและกลุ่มเพื่อนสมาชิกได้บทเรียนอย่างหนึ่งว่า หลังผ่านวิกฤติโควิด-19 แล้วต้องคิดทบทวนและวางแผนใหม่ เรื่องการจัดทำกองทุน
“วิกฤติครั้งนี้เห็นชันเจน ทุกคนได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีกองทุนจึงช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกได้เลย เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จึงไม่มีเงินสำรองจากกองทุนมาช่วยเหลือในกลุ่ม ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญหลังจากนี้เราคงต้องมานั่งคุยกัน ทำแผนเรื่องกองทุน เพื่อสำรองไว้ช่วยเหลือสมาชิกในยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ เพราะขณะนี้ทุกคนทำได้เพียงช่วยเหลือตัวเองให้รอด ผลผลิตที่เก็บได้ก็กินเอง แจกเพื่อนบ้าน หรือคนรู้จัก ที่จะขายอาจมีบ้างแต่น้อยมาก รายได้ที่เคยมีก็ลดน้อยลงไปทุกวัน” ณัฐวุฒิ กล่าว
เจ้าของร้านอาหารฮิมดอย ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนั้นคงต้องให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นการรวมกลุ่มเก็บผลผลิตที่มีแล้วนำส่งผู้บริโภค
ในระยะไม่เกิน 10 กม. จากแหล่งผลิตเพื่อผักจะได้สด ขณะเดียวกันก็ยังได้สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรงอยู่ “ต้องยอมรับความจริงว่าขณะนี้ทำอะไรไม่ได้มาก” ผลผลิตที่ได้มากินเองบ้าง แจกเพื่อนบ้านบ้าง ก็คิดว่าเราไม่ต้องซื้อของจากข้างนอก รายจ่ายเลยน้อย
คงต้องประคองตัวไปจนกว่าจะผ่านไปได้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี